กลุ่มธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้จ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานเป็นเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายระดับสูงในการปรับลดพนักงาน หลังจากที่มีการแห่จ้างพนักงานมากเกินไปในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด
สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ ซึ่งได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษจากภาวะชะลอตัวในธุรกิจการค้าและวาณิชธนกิจ ได้กลายเป็นธนาคารใหญ่รายล่าสุดในสหรัฐที่ต้องจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานก้อนโตเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) โดยโกลด์แมน แซคส์กล่าวต่อกลุ่มนักลงทุนว่า ธนาคารจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานไป 260 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หลังปลดพนักงานประมาณ 3,400 ตำแหน่ง หรือประมาณ 7% ของพนักงานทั้งหมดในปีนี้
ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ระบุเมื่อวันอังคาร (18 ก.ค.) ว่า ธนาคารจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานไปกว่า 300 ล้านดอลลาร์ หลังปลดพนักงานประมาณ 3,000 รายในปีนี้ ส่วนซิตี้กรุ๊ประบุในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารจ่ายค่าชดเชยการเลิกจ้างไป 450 ล้านดอลลาร์ หลังประกาศในเดือนมิ.ย.ว่าได้ปลดพนักงานไปเกือบ 5,000 ตำแหน่ง
“ผมคิดว่าจำนวนพนักงานจะมีความเหมาะสมมากขึ้นในธุรกิจวาณิชธนกิจ” นายไมเคิล คาร์ป จากบริษัทออปชันส์ กรุ๊ป (Options Group) ระบุ
ปัจจุบัน บริษัทจำนวนมากในตลาดวอลล์สตรีทได้ตัดสินใจปลดพนักงาน หลังจากที่แห่ว่าจ้างมากเกินไปในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด เพื่อที่จะตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของการซื้อขายและการทำข้อตกลงในช่วงที่การทำงานจากที่บ้านส่งผลกระทบต่อผลิตภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 66)
Tags: ปลดพนักงาน, เลิกจ้าง, แบงก์วอลล์สตรีท