จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เร่งรัดทางสำนวนคดีอาญา คดีพิเศษที่ 57/2566 มหากาพย์โกงหุ้นบมจ. สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 30,000 – 50,000 ล้านบาท และจำนวนผู้เสียหายกว่า 11,000 ราย เพื่อติดตามดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดและผู้มีส่วนร่วม รวมถึงดำเนินการ ยึด อายัด รายการทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่าร่วมหลักร้อยล้านบาทที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิด สำหรับเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหายนั้น
แหล่งข่าวระดับสูงภายในกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลและนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 10 ราย เพื่อให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการทางคดีอาญา กรณีตกแต่งงบการเงินและเปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งต้นที่มีความไม่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก จึงเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวงนั้น
จาดรายงานจากคณะพนักงานสอบสวน ทางดีเอสไอได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาบางส่วนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทายาทสีชื่อดัง และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ STARK ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า ส่วนวันเวลาไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเราต้องให้ความปลอดภัยและให้พื้นที่การทำงานแก่พนักงานสอบสวนด้วย
สำหรับทั้ง 10 รายที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ดีเอสไอได้มีการรวบรวม แสวงหาพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนปรากฏข้อเท็จจริง พิจารณาประกอบกันเป็นเหตุให้สามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหา คาดว่าจะมีการทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามลำดับ และยืนยันว่าดีเอสไอพร้อมดำเนินคดีกับบุคคลทุกรายที่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แม้บุคคลนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่อยู่ในธนาคารเอกชนชื่อดังขนาดใหญ่ก็ตาม
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า คณะพนักงานสอบสวนจะมีการจัดเตรียมชุดทำงานให้พร้อม เพื่อแบ่งทีมการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนเรื่องพยานเอกสารต่างๆ ผู้ต้องหาที่เข้าพบพนักงานสอบสวน สามารถนำข้อมูลใดมาเพื่อชี้แจงก็ได้
ส่วนทางดีเอสไอจะต้องดำเนินการอายัดทรัพย์บัญชีธนาคารของนายวนรัชต์ หลังถูกออกหมายเรียกแล้วหรือไม่ แหล่งข่าว ระบุว่า ทราบว่าทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการในส่วนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการฟรีซที่เกิดจากสาเหตุที่ว่า หากหน่วยงานใดเจอหรือพบหลักฐานที่เห็นว่าเงินจำนวนเหล่านั้นได้มาจากการกระทำความผิด ก็สามารถอายัดเงินได้ ส่วนเรื่องจำนวนเงินหรือรายละเอียดทางบัญชีธนาคาร จะเป็นในส่วนของ ก.ล.ต. รับผิดชอบ
สำหรับประเด็นการอายัดทางทะเบียนรถยนต์หรู 4 คัน ของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เพื่อนำไปสู่การขยายผลถึงผู้ครอบครองตัวรถในปัจจุบันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบถึงบุคคลผู้ครอบครองรถยนต์หรูดังกล่าว ได้แก่ BMW 630i Gran Turismo RHDทะเบียน1 กญ-0289กรุงเทพมหานคร/ MINI COOPER S Cabrio RHDสีน้ำเงินทะเบียน1 ขศ-0042กรุงเทพมหานคร/ MERCEDES BENZ AMG GLA 35 4MATICสีเทาทะเบียน2 ขร-1162กรุงเทพมหานคร/ ROLLS-ROYCE DAWNสีดำทะเบียน 8กร-0011กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนคาดการณ์ว่าผู้ครอบครองคงไม่พ้นบุคคลใกล้ชิดของนายชนินทร์ ซึ่งดีเอสไอจะสามารถติดตามทั้งตัวรถและผู้ครอบครองมาได้ ส่วนพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายถูกพิจารณาแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สิน อาทิ มีการรับ-โอนรายการทรัพย์สินนั้นอย่างไร และเจตนาของผู้ครอบครองนั้นทราบหรือไม่ว่าเป็นรถยนต์หรูเหล่านี้ที่มาจากเงินของการบริหารจัดการ STARK หรือไม่ รวมถึงยังจะเร่งขยายผลตรวจสอบในเรื่องของเส้นทางการเงินร่วมด้วย
แหล่งข่าวกล่าวถึงกรณีกรรมการของ STARK ยื่นลาออก 3 ราย และมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่าไม่มีผลในทางคดีอาญาที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอกำลังดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะต้องไปตรวจสอบดูว่าบุคคลเหล่านี้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการทุจริตตกแต่งบัญชีบริษัทด้วยหรือไม่ หรืออยู่ในห้วงระยะเวลาของการเกิดเหตุหรือไม่ จึงไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่าขณะนี้ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องหรือมีผลต่อสำนวนคดีด้วยหรือไม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 66)
Tags: DSI, STARK, สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น, หุ้นไทย