นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบ บมจ. สบาย เทคโนโลยี (SABUY) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงข้อกังวลของนักลงทุนที่มีต่อ SABUY ว่า นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 11 พ.ย.63 บริษัทประกอบธุรกิจตู้เติมเงินและเครื่องขายน้ำ (Vending Machine) จากนั้นมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีบริษัทลูกและบริษัทร่วมทุนในกลุ่มมากกว่า 50 บริษัท เพื่อสร้างระบบนิเวศ (ecosystems) รองรับการเจริญเติบโตตามนโยบายของ SABUY เพื่อช่วยเหลือและให้บริการกับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและผู้บริโภครายย่อย
ปัจจุบัน SABUY มีกลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจขายและกระจายสินค้า รวมถึงระบบโลจิสติกส์ โดยมีศูนย์รับฝากและส่งสินค้ากระจายทั่วประเทศ มีบริษัท เวนดิ้งพลัส ที่ให้บริการตู้ขายน้ำและขายสินค้าอื่น ๆ รวมถึงศูนย์ซักเสื้อผ้า sabuy wash ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีบริการระบบการชำระเงิน ระบบศูนย์อาหาร และกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล (Wallet) อนาคตกำลังมุ่งไปสู่การให้บริการในธุรกิจรูปแบบใหม่ด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและดิจิตอล
นายจักรกฤศฏิ์ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องมาเล่าเรื่องนี้ เพราะได้รับคำถามจากเพื่อนๆ ทั้งผู้ที่เป็นห่วงและผู้ที่ลงทุนในหุ้น SABUY ถึงความกังวลในเรื่องต่าง ๆ ทั้งห่วงว่าจะเป็น STARK สอง , โบรกเกอร์บอกว่าตอนนี้ SABUY กำลังขาดสภาพคล่องสถานการณ์การเงินกำลังแย่, นายชูเกียรติ รุจนพรพจี CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SABUY เป็นคนไม่ดีหรือไม่ เพราะมีข่าวว่ากำลังขายหุ้นเพื่อเอาเงินหนี
ประธานบอร์ด SABUY ชี้แจงว่า SABUY เป็นบริษัทที่มีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก ผู้บริหารเหล่านี้จัดอยู่ในระดับชั้นนำของประเทศก็ว่าได้ ธุรกิจที่ทำเกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านการเงินและให้บริการลูกค้าทั่วไปมีลูกค้ามากกว่า 50 ล้านราย บริษัทได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแห่งประเทศไทย มีผู้ตรวจสอบภายนอกที่เข้ามาตรวจสอบระบบไอทีของบริษัทฯ
ขณะที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเคพีเอ็มจี ตรวจสอบบริษัทมาตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์จนถึงปัจจุบัน มีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างดี ซึ่งตนเองได้กำชับฝ่ายตรวจสอบของบริษัทให้เข้าดูรายการที่ผิดปกติหรือน่าสงสัย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการบันทึกบัญชีลูกหนี้และสินค้ามีอยู่จริง เชื่อถือได้ ตั้งแต่เมื่อสามเดือนที่แล้วก่อนจะเกิดกรณี STARK
นอกจากนั้น SABUY มีหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ และยังสามารถก่อหนี้ได้อีกมาก ไม่มีภาระที่จะต้องชำระคืนหุ้นกู้ และสภาพคล่องของบริษัทฯ ในปี 66 ก็ยังคงดีอยู่ ธุรกิจหลักมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนหรือร่วมทุนในบริษัทอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีศักยภาพ มีการขยายตัวที่ดี และหลายบริษัทก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สามารถหาข้อมูลรายละเอียดของงบการเงินในแต่ละบริษัทที่ไปลงทุนได้ชัดเจน
โดยส่วนตัวรู้จักนายชูเกียรติมามากกว่า 30 ปีเป็นคนตรงไปตรงมา มีหลักการเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรร รวดเร็วว่องไว และตัดสินใจเฉียบพลัน ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เชื่อมั่นในตัวนายชูเกียรติและก็ได้ร่วมลงทุนกับนายชูเกียรติมาจนถึงทุกวันนี้ ในอนาคตต่อจากนี้ไป SABUY คงจะต้องพิสูจน์ให้เพื่อนๆ ที่ลงทุนได้เห็นว่าทุกคนในบริษัทมีความจริงใจและตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาค
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)
Tags: SABUY, จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล, สบาย เทคโนโลยี, หุ้นไทย