ทูตมะกันออกโรงยันสหรัฐไม่จุ้นการเมืองไทย พร้อมชื่นชมส้มโอสยามอร่อยจัง

สถานการณ์การเมืองของไทยในขณะนี้กำลังเป็นที่จับตาทั้งจากประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้เปิดสมัยการประชุมรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 3 ก.ค.นี้

สหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศที่ติดตามสถานการณ์การเมืองในไทยเช่นกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายเคิร์ท แคมป์เบล เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวฝ่ายประสานงานด้านอินโด-แปซิฟิกได้แสดงความเห็นว่า การเมืองของไทยกำลังเผชิญกับความเปราะบางภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงในเดือนพ.ค. และเป้าหมายของสหรัฐคือการสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ สหรัฐต้องการรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคที่แข็งแกร่งกับไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม สหรัฐยืนกรานว่าไม่มีความประสงค์ที่จะแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยล่าสุดนายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยจัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในวันอังคาร (27 มิ.ย.) เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าสหรัฐแทรกแซงการเลือกตั้งของไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ค.

สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า นายโกเดคยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐไม่มีบทบาทใด ๆ ในการเลือกตั้งของไทย และไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคใด โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคก้าวไกลภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับชัยชนะและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ก่อให้เกิดกระแสคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม นอกจากนี้ นายพิธายังเผชิญกับความท้าทายด้านข้อกฎหมายและทฤษฎีสมคบคิด

“ผมพูดจากใจจริงว่า ทฤษฎีสมคบคิดและข่าวลือเหล่านี้ถือเป็นอันตรายต่อชาวไทยหลายสิบล้านคนที่มีส่วนในกระบวนการทางการเมือง สหรัฐอเมริกาไม่ได้ชื่นชอบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของไทยคนใด และเราไม่เคยชื่นชอบพรรคการเมืองใดของไทยเป็นพิเศษ”

นายโกเดคกล่าวในการแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยในปีที่แล้ว

ก่อนหน้านี้ นายโกเดคเคยออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวไม่นานหลังจากมีการเลือกตั้งในไทย โดยในเวลานั้นมีกลุ่มอนุรักษ์นิยมหลายกลุ่มได้มารวมตัวกันประท้วงที่บริเวณด้านนอกสถานทูตสหรัฐ และกล่าวหาว่าสหรัฐแทรกแซงการเลือกตั้งในไทย โดยกลุ่มเหล่านี้ต่อต้านนโยบายของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการแก้กฎหมายมาตรา 112

“สหรัฐต้องการให้ไทยมีเสถียรภาพและเจริญรุ่งเรือง ขณะเดียวกันสหรัฐเองก็จะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยชุดใหม่ในเรื่องธุรกิจ การศึกษา ความมั่นคง และกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกซึ่งสหรัฐเป็นแกนนำ” นายโกเดคกล่าว

ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจจะส่งผลกระทบต่อโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของไทย โดยสหรัฐเป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รายใหญ่อันดับ 3 ของไทยในปี 2564 รองจากจีนและญี่ปุ่น ขณะที่นายโกเดคกล่าวว่า สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐกำลังประเมินแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการผลิตชิปในประเทศไทย

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับบรรดาผู้สื่อข่าวที่เข้าไปทำข่าวในสถานทูตสหรัฐก็คือ นายโกเดคได้แสดงความปลาบปลื้มยินดีที่ไทยส่งออกส้มโอลอตแรกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญนับตั้งแต่สหรัฐและไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเวลานานถึง 190 ปี โดยส้มโอลอตแรกได้ถูกส่งไปยังสหรัฐเมื่อคืนวันจันทร์ (26 มิ.ย.)

ทั้งนี้ นายโกเดคกล่าวว่า เขาเป็นแฟนตัวยงของส้มโอ โดยชื่นชอบทั้งส้มโอพันธุ์สีขาวและพันธุ์สีแดง

“ผมอยากบอกกับพวกท่านว่า ผมมีความสุขมากที่เห็นส้มโอลอตแรกจากไทยส่งไปยังสหรัฐ ผมรักส้มโอ ผมชอบทั้งพันธุ์สีขาวและสีแดง มันอร่อยมาก การส่งออกส้มโอครั้งนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลอง 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและไทย”

นายโกเดคกล่าว พร้อมกับคาดหวังว่าชาวอเมริกันจะมีโอกาสลิ้มลองรสชาติของส้มโอจากประเทศไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 66)

Tags: ,