นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่ แต่ยังมีแรงกดดันกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนก.ค.นี้กดดันตลาดหุ้น ด้านปัจจัยความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในรัสเซียสามารถคลี่คลายลงได้ เชื่อไม่เข้ามากดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม แต่ยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศหลังประกาศเปิดประชุมสภาฯ พร้อมให้แนวต้าน 1,515 จุด แนวรับ 1,500 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุนดัชนี ประกอบกับ ตลาดยังมีความกังวลในเรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบการประชุมเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
ขณะที่ปัจจัยสถานการณ์ภายในรัสเซียที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาสามารถคลี่คลายลง เชื่อว่าจะไม่เข้ามาเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังคงติดตามความคืบหน้าของการเมืองหลังมีประกาศเปิดประชุมสภาฯ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวต้าน 1,515 จุด แนวรับ 1,500 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 มิ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,727.43 จุด ลดลง 219.28 จุด หรือ -0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,348.33 จุด ลดลง 33.56 จุด หรือ -0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,492.52 จุด ลดลง 138.09 จุด หรือ -1.01%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,845.90 จุด ลดลง 44.07 จุด หรือ -0.23% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,177.23 จุด ลดลง 20.67 จุด หรือ -0.64% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,647.08 จุด ลดลง 134.46 จุด หรือ -0.41%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มิ.ย.66) 1,505.52 จุด ลดลง 3.79 จุด (-0.25%) มูลค่าซื้อขาย 33,566.66 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 638.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(23 มิ.ย.) ลดลง 0.35 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ 69.16 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มิ.ย.) อยู่ที่ 4.10 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.22 ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน แนวโน้มอ่อนค่าจากกังวลศก.โลก-เหตุรัสเซีย
- ประธานหอการค้าไทย ย้ำนักลงทุนอย่ากังวลไทยเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ยันเอกชนไทยยังเข้มแข็งเศรษฐกิจโต “บีโอไอ” ชูไทยมีศักยภาพเป็นฐานผลิตส่งออกไปทั่วโลก “ส.อ.ท.”เร่งทรานส์ฟอร์ม อุตฯเป้าหมายดึงดูดนักลงทุนจีน “ไอซีบีซี” ชี้จีนมองไทยมีศักยภาพน่าลงทุนมากสุดในเอเชีย “ชาติศิริ” ชี้ไทยมียุทธศาสตร์แกร่งเปิดโอกาสลงทุน
- ไทยจัดเวทีนักธุรกิจจีนระดับโลก “ธนินท์” ย้ำจีนเศรษฐกิจเบอร์ 2 โลก ชี้เทคโนโลยีคือโลกการค้ายุคใหม่ ชวนนักธุรกิจ จีนลงทุนอีอีซี “หอการค้าไทย-จีน” คาดดึงเงินทุนเข้าไทยแสนล้าน สนใจลงทุนอีวี สกพอ.ชู “วันสต๊อปเซอร์วิส” ดูดการลงทุนในอีอีซี ปตท.ระบุการเมืองเปลี่ยนไม่กระทบความสัมพันธ์ ธุรกิจไทย-จีน
- กระทรวงคมนาคม ดันบิ๊กโปรเจ็กต์ยุคบิ๊กตู่เฉียด 2 ล้านล้านโยน ครม.ใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จับตาตั้งรัฐบาลเร็วขึ้นรับเหมาเฮชิงประมูล
- STARK เอฟเฟ็กต์ตลาดทุนป่วน วิกฤตความเชื่อมั่น-ธรรมาภิบาล บริษัทจดทะเบียนกระทบ “ต้นทุน” ระดมทุนภาคธุรกิจดอกเบี้ยหุ้นกู้ขยับขึ้นทุกเรตติ้ง “หุ้นกู้ไฮยีลด์” วิกฤตตลาดปิดเริ่มเจอปัญหาขายไม่ออก นักลงทุนระแวงซ้ำรอย STARK ตลท.ประกาศยกเครื่องเกณฑ์กำกับ/เข้มบริษัท Backdoor Listing เข้าตลาดหุ้น ขณะที่วงการบี้ ก.ล.ต.งัดมาตรการลงโทษบริษัท ผู้ตรวจสอบบัญชี ลุ้นระทึก “หุ้นกู้” กลุ่มเสี่ยงสูง Non-rated จ่อคิวเปิดขายอีกเพียบ
- คลัง ตีกลับสรรหาเลขาฯ ก.ล.ต.หลังมีผู้ร้องเรียน พร้อมสั่งแจงเรื่องระเบียบ-คุณสมบัติคัดเลือกให้เกิดความชัดเจน ขั้นตอนจึงอยู่ระหว่างรอ ก.ล.ต.ตอบกลับข้อชี้แจงดังกล่าวมาที่กระทรวงการคลัง “วิรไท” อดีตผู้ว่า ธปท. แคลงใจกระบวนการสรรหานานเกินไป หวั่นตั้งเลขาฯ ก.ล.ต.ช้า ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV (เคจีไอ) ราคาเป้าพื้นฐาน 3.7 บาท 1) ประเมินแนวรับ 2.72 บาท / แนวต้าน 2.84-2.88 บาท หาก Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 3.0 บาท (Stop loss 2.68 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน + ราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ราคาหุ้น Laggard หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสายการบินอย่าง BA, BAFS เป็นต้น 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดปีนี้ Turnaround พลิกกำไร 1.5 พันล้านบาท Forward PE 23 เท่า
- PLANB (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” เป้าหมาย IAA Consensus 9.30 บาท กำไร Q1/66 ที่ 132 ล้านบาท -45%QoQ, +27%YoY เพิ่มขึ้น YoY ตามธุรกิจสื่อนอกบ้าน (OHM) ฟื้นต่อเนื่อง แต่ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลผ่านช่วงใช้งบโฆษณาปลายปี อัตราการใช้สื่อ (U-Rate) ที่ 65% (1Q65=52%,4Q65=72%) สำหรับปี 66 ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาคาดโต 7% (ที่มา Neilsen และ MAAT) สื่อนอกบ้านคาดโต +25%YoY/Transit +10%YoY แต่เม็ดงบโฆษณาจริงช่วง 4 เดือนแรกติดลบ -3.6%YoY มีแค่ OHM โต +26.4%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม เฉพาะ เม.ย.66 ยังโตเด่น +29%YoY ขณะที่ พ.ค.66 มีการเลือกตั้งทำให้ภาพรวมใช้สื่อมากขึ้น ส่งผลให้กำไร Q2/66 แนวโน้มโตดีทั้ง QoQ,YoY ช่วงที่เหลือของปีมีแรงหนุนสื่อสนามบินหื้นและ Engagement Marketing เช่น กีฬามวยที่จับมือกับเวทีราชดำเนิน และเอเชียนเกมส์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย