นายโทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่รัฐแมรีแลนด์ว่า คณะกรรมการเฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อไม่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
“ผมขอย้ำว่า เป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดคือระดับ 2% และผมยังคงรอดูข้อมูลที่จะทำให้ผมเชื่อว่า การชะลอตัวลงของอุปสงค์จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายโดยเร็ว แต่หากไม่มีข้อมูลสนับสนุนเรื่องนี้ ผมก็พร้อมที่จะโหวตให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก”
“ผมรู้ดีว่าการทำแบบนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ แต่จากประสบการณ์ในยุคปี 70 ได้สอนบทเรียนที่ชัดเจนให้แก่เรานั่นคือ หากเรายอมอ่อนข้อกับเงินเฟ้อเร็วเกินไป เงินเฟ้อจะกลับมารุนแรงกว่าเดิม ทำให้เฟดยิ่งต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้น และสร้างความเสียหายมากขึ้นไปอีก นั่นเป็นความเสี่ยงที่ผมไม่อาจจะยอมรับได้”
ทางด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ว่า เฟดจะไม่ลดละความพยายามในการฉุดรั้งอัตราเงินเฟ้อให้ลดลง
“หน้าที่ของเฟดคือการใช้นโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์คู่ขนาน นั่นคือการควบคุมเงินเฟ้อและการพยุงเศรษฐกิจให้เติบโตในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นหมายถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อยังคงเป็นสิ่งจำเป็น”
นอกจากนี้ นายวอลเลอร์ได้ปฏิเสธมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์ที่กล่าวไว้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดคือสาเหตุของวิกฤตภาคธนาคารเมื่อเดือนมี.ค. โดยเขากล่าวว่า “การจัดการความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยเป็นหน้าที่ของผู้บริหารธนาคาร และผู้บริหารส่วนใหญ่ก็สามารถรับมือได้ ผมไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของนโยบายการเงินเพียงเพราะความกังวลเกี่ยวกับการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพของธนาคารบางแห่ง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 66)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, เฟด, โทมัส บาร์กิน