In Focus: เจาะลึกคดีทรัมป์ซุกเอกสารลับ กับอนาคตที่แขวนไว้อยู่บนผลการเลือกตั้ง

เพียง 2 เดือนหลังกรณีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังโป๊ยังไม่ทันจางหาย นายโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ มีเหตุให้ต้องขึ้นศาลเป็นครั้งที่ 2 ด้วยคดีที่ร้ายแรงกว่าเก่า

ณ ศาลรัฐบาลกลางในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เมื่อวันอังคาร (13 มิ.ย.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์เดินทางมาพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นหลักฐานและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทั้ง 37 กระทง จากกรณีจงใจเก็บเอกสารลับของรัฐบาลไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

ทรัมป์ซึ่งมาในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม เนกไทสีแดง นั่งนิ่งไม่พูดอะไรตลอดการรับทราบข้อกล่าวหา 47 นาที

ทรัมป์ได้รับการปล่อยตัวแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ถูกจำกัดการเดินทาง ไม่ต้องประกันตัวด้วยเงินสด แต่นายโจนาธาน กู๊ดแมน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ สั่งห้ามทรัมป์ติดต่อกับพยานคนอื่น ๆ ในคดีนี้

นายวอลต์ นอตา คนรับใช้และผู้ช่วยของทรัมป์ที่ถูกตั้งข้อหาในคดีนี้ด้วย มาขึ้นศาลพร้อมกับทรัมป์ แต่จะไม่ได้ยื่นคำร้องแก้ต่างจนถึงวันที่ 27 มิ.ย. เนื่องจากนายนอตาไม่มีทนาย โดยนายนอตาก็ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางเงินประกันและถูกศาลสั่งห้ามติดต่อกับพยานคนอื่น ๆ

ทรัมป์นับเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญา

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ย้ำบ่อยครั้งว่าตัวเขาไม่ได้ทำอะไรผิด และโทษนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครตว่า เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางอาญา เพื่อบ่อนทำลายการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ทรัมป์เรียกนายแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษผู้นำฝ่ายโจทก์ว่าเป็น “พวกเกลียดทรัมป์” ผ่านทาง “ทรูธโซเชียล” โซเชียลมีเดียของเขาเมื่อวานนี้

หลังการรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ริมถนนทั้งสองข้างทางตะโกนว่า “เรารักทรัมป์” ขณะที่ขบวนรถของทรัมป์แล่นผ่านไป แต่มีผู้ประท้วงรายหนึ่งสวมชุดนักโทษพยายามวิ่งตัดหน้าขบวนรถก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกไปข้างทางในที่สุด

ทรัมป์แวะที่ร้าน “แวร์ซาย” ร้านอาหารคิวบาชื่อดังในย่านลิตเติลฮาวานาของเมืองไมอามี โดยกล่าวกับเหล่าผู้สนับสนุนที่มารอถ่ายรูปและร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้กับเขาว่า ประเทศสหรัฐ “ถูกฉ้อโกง” “เสื่อมทราม” และ “กำลังเสื่อมถอย”

หลังจากขึ้นศาลในฟลอริดา ทรัมป์บินกลับไปที่สนามกอล์ฟของตนในรัฐนิวเจอร์ซีย์เพื่อกล่าวปราศรัยในคืนวันเดียวกัน

“วันนี้เราได้เห็นการใช้อำนาจในทางมิชอบที่ชั่วช้าน่าเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเรา น่าเศร้าจริง ๆ ที่ต้องมาเห็นกับตา ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ทุจริตจับกุมคู่ต่อสู้ทางการเมืองตัวฉกาจในข้อหาปลอม ๆ ที่ทำขึ้นมา ซึ่งตัวเขาเองและประธานาธิบดีอีกหลายคนก็จะมีความผิดไปด้วยในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เขาจะแพ้ยับเยิน” ทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุน

ทรัมป์โดนฟ้องข้อหาอะไร?

คำฟ้องต่อคณะลูกขุนใหญ่ที่มีการเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า นายแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษกล่าวหาว่า ทรัมป์จัดเก็บเอกสารลับโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่รีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโกของเขาในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และที่กอล์ฟคลับของเขาในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทั้งยังปฏิเสธที่จะส่งคืนชุดเอกสารดังกล่าวให้กับรัฐบาล ตลอดจนพยายามซ่อนเอกสารเหล่านี้หลังจากที่คณะลูกขุนใหญ่ออกหมายเรียกพยานเพื่อเรียกร้องให้นายทรัมป์ส่งคืนเอกสารลับทั้งหมด

คดีอาญาอุกฉกรรจ์ทั้ง 37 กระทง ประกอบด้วย

กระทงที่ 1-31 จงใจเก็บรักษาข้อมูลด้านการป้องกันประเทศ

กระทงที่ 32 สมรู้ร่วมคิดเพื่อขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

กระทงที่ 33 ปฏิเสธที่จะให้เอกสารหรือบันทึก

กระทงที่ 34 ปกปิดเอกสารหรือบันทึกในทางทุจริต

กระทงที่ 35 ปกปิดเอกสารในการสอบสวนของรัฐบาลกลาง

กระทงที่ 36 วางอุบายเพื่อปกปิด

กระทงที่ 37 แสดงข้อความเท็จและการสำแดงที่เป็นเท็จ

ซึ่งแต่ละข้อหามีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

สำหรับนายทรัมป์ซึ่งมีอายุครบ 77 ปีในวันนี้ (14 มิ.ย.) นั่นก็เทียบได้กับโทษจำคุกตลอดชีวิต หากศาลตัดสินว่าเขาผิดจริง

ตามคำฟ้องดังกล่าวและชุดภาพถ่ายที่ปรากฏทั่วโลกออนไลน์ในภายหลังนั้น ทรัมป์เก็บเอกสารลับไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ภายในรีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโก รวมถึงห้องทำงาน, ห้องนอน, ห้องเก็บของ, บนเวทีห้องบอลรูมที่ใช้จัดงานอีเวนต์, ห้องอาบน้ำ ไปจนถึงข้างชักโครก

นอกจากนี้ คำฟ้องยังระบุว่า ทรัมป์สั่งให้นายนอตาจงใจย้ายกล่องเอกสารลับเพื่อซ่อนเอกสารเหล่านี้จาก FBI จากคณะลูกขุนใหญ่ หรือแม้แต่จากทนายความของเขาเอง

ในเดือนม.ค. 2565 ทรัมป์ตกลงที่จะส่งคืนกล่องบันทึกจำนวน 15 กล่องให้กับสำนักงานจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติของสหรัฐ และเจ้าหน้าที่พบว่า มีเอกสารลับที่อยู่ในกล่องเหล่านั้นมากกว่า 700 หน้า

ในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว FBI ได้ทำการตรวจค้นรีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโกของทรัมป์ในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และยึดบันทึกได้อีกประมาณ 13,000 รายการ ในจำนวนนี้มีประมาณ 100 รายการเป็นเอกสารลับ และบางรายการก็เป็นเอกสารลับสุดยอด

ข้อมูลในคำฟ้องระบุว่า เอกสารลับที่ทรัมป์ครอบครองไว้นั้นประกอบด้วยข้อมูลด้านกลาโหมและขีดความสามารถทางอาวุธของทั้งสหรัฐและต่างประเทศ ไปจนถึงข้อมูลโครงการนิวเคลียร์ของสหรัฐ ช่องโหว่ของสหรัฐและชาติพันธมิตรต่อการโจมตีทางทหาร และแผนสำหรับการตอบโต้ในกรณีที่ถูกต่างชาติโจมตี

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เก็บรักษาเอกสารลับโดยอ้างแบบไม่มีหลักฐานว่า เขาได้ปลดเอกสารเหล่านี้ออกจากการเป็นเอกสารลับตั้งแต่สมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งปธน.แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินคดีก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับการที่ FBI ค้นบ้านของทรัมป์ในฟลอริดานั้น ทนายความของทรัมป์ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งที่จะยกเหตุผลดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในคำร้องที่ยื่นต่อศาล ขณะที่คำฟ้องครั้งนี้ยังระบุหลักฐานด้วยว่า ทรัมป์รู้อยู่แล้วว่าเอกสารที่เขาเก็บไว้นั้น เป็นเอกสารลับ

“สมัยเป็นประธานาธิบดี ผมสามารถปลดมันออกจากการเป็นเอกสารลับได้” คำฟ้องระบุคำพูดของนายทรัมป์ ซึ่งกล่าวถึงเอกสารทางทหารฉบับหนึ่งที่เขาแสดงในระหว่างการประชุมที่สนามกอล์ฟของเขาในรัฐนิวเจอร์ซีย์ในเดือนก.ค. 2564

คดีรุมเร้า แต่เขาคือตัวเต็ง

ถึงแม้จะมีคดีมากแค่ไหน แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อความนิยมของทรัมป์ในหมู่โหวตเตอร์พรรครีพับลิกันเลยแม้แต่น้อย

ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสพบว่า 81% ของสมาชิกพรรครีพับลิกันคิดว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีแรงจูงใจทางการเมือง ผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่าทรัมป์ยังคงนำคู่แข่งคนอื่น ๆ แบบทิ้งห่างในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งแคนดิเดตประธานาธิบดีของพรรค

43% ของคนที่จะโหวตให้พรรครีพับลิกันระบุว่า ทรัมป์เป็นแคนดิเดตที่ตนต้องการ ขณะที่อีก 22% เลือกนายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่สุดของทรัมป์

ยิ่งไปกว่านั้น คู่แข่งเกือบทุกคนในพรรครีพับลิกันต่างก็เข้าข้างทรัมป์ในคดีนี้ และกล่าวหาว่า FBI มีความลำเอียงทางการเมือง ซึ่งผิดจากแนวทางดั้งเดิมของพรรคที่มักจะแข็งกร้าวต่ออาชญากรรมและสนับสนุนฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมาย

แม้หลักฐานมัดตัวแน่น แต่ก็มีโอกาสรอด

บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกล่าวว่าหลักฐานในคำฟ้องนี้ถือว่าแน่นหนามาก และอัยการพิเศษสมิธกล่าวว่า การพิจารณาคดีของทรัมป์ในชั้นศาลจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แม้ศาลยังไม่ได้กำหนดวันพิจารณาคดีก็ตาม

อย่างไรก็ดี โอกาสที่ทรัมป์จะรอดไปได้จากคดีนี้ก็ยังพอมี เนื่องจากผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีนี้คือนางเอลีน แคนนอน ซึ่งทรัมป์เป็นคนแต่งตั้งขึ้นเองในปี 2563 และนางแคนนอนก็เคยตัดสินคดีแบบเข้าข้างทรัมป์มาแล้วในปี 2565 โดยสั่งให้รัฐบาลสหรัฐระงับการใช้ของกลางที่ยึดมาจากมาร์-อะ-ลาโกมาใช้ในการสืบสวน อีกทั้งยังอนุญาตตามคำขอของทรัมป์ที่ให้เจ้าหน้าที่พิเศษของศาลมาตรวจสอบของที่รัฐบาลยึดไปอีกด้วย ก่อนถูกศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาในภายหลัง

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กว่าการพิจารณาคดีจะเกิดขึ้นจริงก็อาจใช้เวลาถึงหนึ่งปีขึ้นไป เนื่องจากการจัดการกับหลักฐานเอกสารลับนั้นค่อนข้างซับซ้อน และทีมทนายความของทรัมป์สามารถยื่นสารพัดคำร้องเพื่อโต้แย้งคดีของอัยการสมิธก่อนที่จะไปถึงขั้นการพิจารณาคดี ซึ่งจะยิ่งทำให้เรื่องล่าช้าออกไปอีก

ในขณะนี้ ทรัมป์มีอิสระในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และสามารถเข้ารับตำแหน่งได้แม้ว่าเขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิดก็ตาม

และหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งปี 2567 เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ก็มีแนวโน้มสูงว่าฝ่ายโจทก์จะไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมายต่อ

กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายที่มีมานานหลายทศวรรษว่า ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ไม่สามารถถูกดำเนินคดีได้ แต่ทางกระทรวงฯ สามารถเลือกที่จะไม่ทำตามนโยบายนี้ได้ในสถานการณ์พิเศษ โดยได้รับอนุมัติจากอัยการสูงสุดของสหรัฐ

ในกรณีนี้ หากนายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบันซึ่งดำรงตำแหน่งภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อนโยบายดังกล่าวและจะดำเนินการทางกฎหมายกับทรัมป์นั้น ก็สามารถทำได้

แต่ถ้าทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ทรัมป์ก็มีอำนาจที่จะไล่นายการ์แลนด์ออก แล้วแต่งตั้งรักษาการอัยการสูงสุดตามที่ทรัมป์เลือกมา จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งถาวรซึ่งต้องได้รับการยืนยันจากวุฒิสภาสหรัฐ

เรียกได้ว่าอนาคตของทรัมป์นั้นแขวนไว้อยู่บนผลการเลือกตั้งโดยแท้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มิ.ย. 66)

Tags: , ,