นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ได้ส่งข้อมูลผู้ที่ขออุทธรณ์กรณีไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ให้หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติตามขั้นตอนนั้น
ขณะนี้ การดำเนินการดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ได้กำหนดวันประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2566 โดยมีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ รวม 26,696 ราย ซึ่งผู้ที่ขออุทธรณ์สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
- ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
- ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย (KTB), สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ, ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ, สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา
- โทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันจันทร์ -วันศุกร์ ตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน
นายพรชัย กล่าวว่า หากตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในรอบอุทธรณ์ ขอให้ดำเนินการ ดังนี้
- ดำเนินการยืนยันตัวตนได้ที่ (1) ธนาคารกรุงไทย (2) ธนาคารออมสิน หรือ (3) ธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร
- เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงานได้ในวันถัดไป
- ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน จะให้บริการยืนยันตัวตนจนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2566 สำหรับธนาคารกรุงไทย จะให้บริการยืนยันตัวตน โดยยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการ สำหรับการยืนยันตัวตนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร
- ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน เพื่อรับสิทธิสวัสดิการ โดยสามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้ ทั้งนี้ การผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ผู้ได้รับสิทธิสามารถรับสิทธิสวัสดิการในกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
- ผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 12-26 มิถุนายน 2566 และตรวจสอบพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มิถุนายน 2566 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยมีรายละเอียดวันที่ยืนยันตัวตน วันเริ่มใช้สิทธิได้ และสิทธิที่ได้ย้อนหลังดังนี้
วันที่ยืนยันตัวตน (รอบอุทธรณ์) วันที่เริ่มใช้สิทธิได้ สิทธิที่ได้ย้อนหลัง
- 12 มิ.ย. – 26 มิ.ย. 66 1 ก.ค. 66 เม.ย. – มิ.ย. 66 (3 เดือน)
- 27 มิ.ย. – 26 ก.ค. 66 1 ส.ค. 66 เม.ย. – ก.ค. 66 (4 เดือน)
- 27 ก.ค. – 26 ส.ค. 66 1 ก.ย. 66 เม.ย. – ส.ค. 66 (5 เดือน)
- 27 ส.ค. – 26 ก.ย. 66 1 ต.ค. 66 เม.ย. – ก.ย. 66 (6 เดือน)
- 27 ก.ย. 66 เป็นต้นไป วันที่ 1 ของเดือนถัดไป ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง
โดยผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติที่ได้รับสิทธิที่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 กันยายน 2566 จะได้รับวงเงินสิทธิสวัสดิการย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เฉพาะวงเงินในส่วนของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด (จำนวน 300 บาท/คน/เดือน) เท่านั้น กรณีมีวงเงินคงเหลือจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ไม่สามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง ได้แก่ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมายืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ โดยจะต้องใช้เอกสาร ดังต่อไปนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ได้รับสิทธิ)
- หนังสือมอบอำนาจการยืนยันตัวตน (สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ)
- บัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ
- บัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
- ใบสำคัญการหย่าหรือ ใบมรณบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย หรือทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไขที่ได้ยื่นเอกสารหนังสือประกอบการพิจารณา กรณีผู้ลงทะเบียนไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้ แบบฟอร์มที่ 2)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มิ.ย. 66)
Tags: กระทรวงการคลัง, บัตรคนจน, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, พรชัย ฐีระเวช