เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้านับตั้งแต่ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีนลดลง และพากันมองหาทางเลือกการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งต่างก็ได้ประโยชน์จากการที่ตลาดหุ้นจีนทำผลงานย่ำแย่นับตั้งแต่เปิดประเทศ โดยหลักฐานล่าสุดคือข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาดของจีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
“ท่ามกลางความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน นักลงทุนได้มองหาโอกาสจากตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งทำผลงานโดดเด่นมาก ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียก็กลับมาได้รับความสนใจจากนักลงงทุนอีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา”
นายแอนดรูว์ ทิลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายเอเชียแปซิฟิกของโกลด์แมน แซคส์ กล่าว
ตลาดหุ้นโตเกียวเข้าสู่ภาวะกระทิงแล้วในขณะนี้ หลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นกว่า 23% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรวมถึงนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์
ส่วนดัชนี Nifty 50 ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นเกือบ 7% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ พุ่งขึ้น 18% นับตั้งแต่ต้นปี
ความคึกคักของดัชนีตลาดหุ้นทั้ง 3 ตลาดแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตลาดหุ้นจีนที่ถูกเทขายอย่างหนัก โดยดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ร่วงลง 5.29% ตั้งแต่ต้นปีนี้
ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นยังแสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติยังคงลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนในประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิพันธบัตรต่างประเทศ
รายงานระบุว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมูลค่า 3.4218 แสนล้านเยน (2.45 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 2 มิ.ย. ขณะที่ยอดรวมการซื้อหุ้นสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 6.65 ล้านล้านเยน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.73 ล้านล้านเยน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มิ.ย. 66)
Tags: ตลาดหุ้นจีน, เศรษฐกิจจีน