นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีที่กระแสข่าวว่าเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศระเบียบราชทัณฑ์ต่อผู้ถูกคุมขัง 2566 เปิดช่องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้ขาดย้ายผู้ถูกคุมขังนอกเรือนจำได้นั้น โดยเนื้อหาของข่าว มีส่วนที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสาระสำคัญ และผลบังคับใช้ของระเบียบดังกล่าว ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนถึงอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายสิทธิ ชี้แจงว่า โดยระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566 ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2510 เพื่อกำหนดขั้นตอนและวิธีการดูแลสวัสดิภาพของผู้ถูกกักกันตามกฎหมาย โดยมาตรา 40, 41 และ 42 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ใช้วิธีการกักกันกับผู้ที่เคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกหรือกักกันมาแล้ว และศาลเห็นว่าผู้นั้น เป็นผู้กระทำความผิดติดนิสัย ซึ่งหากผู้นั้นยังมีโทษจำคุกหรือกักขัง ที่จะต้องรับอยู่ ก็ให้จำคุกหรือกักขังเสียก่อน และให้นับวันถัดจากวันที่พ้นโทษจำคุก หรือพ้นจากการกักขังเป็นวันเริ่มกักกัน
ดังนั้น “การกักกัน” จึงมิใช่การจำคุกนอกเรือนจำแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยที่ศาลอาจมีคำพิพากษาเพิ่มเติมจากโทษทางอาญาที่ลงแก่จำเลย ส่วน “ผู้ต้องขัง” ซึ่งเป็นผู้ต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล จะต้องถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนด
ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ มีผู้ถูกกักกันอยู่ในความดูแลจำนวน 57 ราย (ชาย 51 ราย หญิง 6 ราย) และจากสถิติที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ ผู้ถูกกักกันเป็นบุคคลจรจัด ไร้บ้าน ทำความผิดซ้ำในคดีลักทรัพย์ (ลักเล็กขโมยน้อย) เป็นหลัก
โฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ในปัจจุบัน พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 กำหนดให้กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับผิดชอบในการบังคับตามคำสั่งคุมขังภายหลังพันโทษ หรือคำสั่งคุมขังฉุกเฉินตามที่ศาลกำหนด โดยให้นำ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2510 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ด้วยเหตุนี้ กรมราชทัณฑ์ จึงจำเป็นต้องประกาศใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566 เพื่อให้มีมาตรการในการดูแลสวัสดิภาพของผู้ถูกกักกัน และบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้ใช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษหรือคำสั่งคุมขังฉุกเฉินให้เกิดความเหมาะสมและอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือที่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ผ่านเพจประชาสัมพันธ์ของกรมราชทัณฑ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)
Tags: กรมราชทัณฑ์, สิทธิ สุธีวงศ์