เหตุเขื่อนคาคอฟกาของยูเครนระเบิดเสี่ยงก่อให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรง

เขื่อนโนวา คาคอฟกา (Nova Kakhovka) บนแม่น้ำดนิโปร (Dnipro) ในเมืองโนวา คาคอฟกา (Nova Kakhovka) ของแคว้นเคอร์ซอน (Kherson) ทางภาคใต้ของประเทศยูเครนได้ถูกระเบิดพังเสียหายเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) โดยปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกรัสเซียยึดครองไว้ภายใต้สงครามที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 โดยเหตุเขื่อนระเบิดนี้สร้างความหวั่นวิตกด้านความปลอดภัย อุปทานน้ำ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปที่ต้องใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำโนวา คาคอฟกาในการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

ทั้งนี้ ยูเครนกล่าวหาว่า กองกำลังรัสเซียเป็นผู้ระเบิดเขื่อนโนวา คาคอฟกา แต่สำนักข่าว TASS ของรัฐบาลรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงถ้อยแถลงของนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียว่า รัสเซียไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุระเบิดเขื่อนโนวา คาคอฟกา พร้อมตอบโต้กลับว่า ยูเครนจงใจทำลายเขื่อนดังกล่าว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปฏิบัติการรุกตอบโต้ของฝ่ายยูเครน

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซีเอ็นบีซีไม่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคำกล่าวอ้างดังกล่าว

คลิปวิดีโอที่ตรวจสอบโดยสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์แสดงให้เห็นภาพน้ำไหลบ่าลงมาเหนือสันเขื่อนที่พังเสียหาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการอพยพ เพื่อปกป้องชีวิตของประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำบริเวณปลายน้ำ

สำนักข่าว TASS รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานฉุกเฉินของรัสเซียว่า ขณะนี้มีบ้านเรือนประมาณ 600 หลังจมอยู่ใต้น้ำท่วมจากเหตุเขื่อนระเบิด ขณะที่รัสเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตโนวา คาคอฟกา

ณ เวลา 13.00 น.ของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หรือ 17.00 น.ของวันอังคารตามเวลาไทย สำนักงานฉุกเฉินของยูเครนระบุว่า หน่วยกู้ภัยได้อพยพประชาชนประมาณ 1,000 คนออกจากพื้นที่ประสบภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมากระทรวงมหาดไทยยูเครนระบุว่า ได้อพยพประชาชนในแคว้นเคอร์ซอนของยูเครนออกจากพื้นที่ประสบภัยแล้ว 885 คน

เขื่อนโนวา คาคอฟกาซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำดนิโปรและกักเก็บมวลน้ำมหาศาลเอาไว้ ได้ก่อสร้างขึ้นในปี 2499 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา

ขณะที่อ่างเก็บน้ำคาคอฟกาจัดสรรน้ำให้กับคาบสมุทรไครเมียซึ่งรัสเซียผนวกดินแดนในปี 2557 และเป็นแหล่งน้ำสำหรับหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอร์ริซเซีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียเช่นกัน

นอกจากนี้ น้ำจากอ่างเก็บน้ำคาคอฟกายังถูกใช้ในสถานีไฟฟ้าพลังน้ำ ระบบชลประทาน และฟาร์มปลาน้ำจืด

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุว่า รัฐบาลและสำนักงานสาธารณะของยูเครนกำลังพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องประชาชน โดยผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตอันตรายถูกสั่งให้อพยพโดยเร็วที่สุด

เมื่อวานนี้ ปธน.เซเลนสกีได้จัดประชุมฉุกเฉินสภาความมั่นคงแห่งชาติและสภากลาโหม เพื่อหารือสถานการณ์เขื่อนระเบิด

“การทำลายเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกาเป็นเครื่องยืนยันสำหรับโลกใบนี้ว่า กองกำลังรัสเซียต้องถูกขับไล่ออกจากผืนแผ่นดินของยูเครน ไม่ควรปล่อยคนเหล่านี้เอาไว้ในแผ่นดินยูเครนแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาใช้ทุกพื้นที่ในการก่อการร้าย” ปธน.เซเลนสกีกล่าว

อูเครฮีโดรเนอร์โก (Ukrhydroenergo) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าพลังน้ำของรัฐบาลยูเครนระบุว่า เหตุระเบิดครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเขื่อนโนวา คาคอฟกา และต้นตอมาจากห้องเครื่องยนต์

“การจุดชนวนระเบิดจากภายในห้องเครื่องยนต์ส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกาเสียหายโดยสิ้นเชิง และไม่สามารถกอบกู้สถานีโรงไฟฟ้าดังกล่าวกลับมาได้”

ครึ่งหนึ่งของเขื่อนโนวา คาคอฟกาดูเหมือนจะพังเสียหาย และ TASS รายงานโดยอ้างอิงสำนักงานฉุกเฉินว่า โครงสร้างของเขื่อนดังกล่าวพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัสเซียในเมืองโนวา คาคอฟการะบุว่า ไม่สามารถซ่อมแซมเขื่อนแห่งนี้ได้แล้ว

นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่า การทำลายเขื่อนโนวา คาคอฟกานั้นเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชนหลายพันคน และสร้างความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง

ด้านสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า กำลังจับตาสถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ยังไม่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งดังกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,