GPSC คาดผลงานปี 66 ฟื้นโตรับกำลังการผลิตใหม่หนุน-ค่า Ft ลดสอดคล้องราคาพลังงานเชื่อไม่กระทบ

นางศิโรบล บุญถาวร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปี 66 จะเติบโตดีกว่าปีก่อน จากประสิทธิภาพการผลิตในโรงไฟฟ้าเป็นไปด้วยดีและไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้น ประกอบกับค่า Ft และราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงในสัดส่วนที่พอๆกัน ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะยังเติบโตได้ดี

ขณะที่มองค่า Ft ที่ลดลง 70 สตางค์ต่อหน่วยจะมีผลกระทบต่อมาร์จิ้นไม่มาก เนื่องจากค่า Ft ที่ลดลงสอดคล้องกับเทรนด์พลังงานที่ลดลง ไม่ว่าจะเป็นค่าก๊าซฯ หรือถ่านหิน ประกอบกับค่า Ft ที่ผูกกับลูกค้าอุตสหกรรมที่บริษัทได้มีการขายไฟฟ้าให้ มีสัดส่วนราว 30% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือจะเป็นการขายไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ประเภท SPP, IPP ทำให้ช่วยบรรเทาผลกระทบได้ระดับหนึ่ง

สำหรับการเติบโตของกำลังการผลิตในปีนี้ หลักๆ จะมาจาก Avaada Energy Private Limited หรือ AEPL ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในประเทศอินเดีย โดย GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 42.93% ซึ่งปีนี้มีโครงการก่อสร้างเกือบ 600 เมกะวัตต์ คาดว่าจะรับรู้กำไรปีนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานสะอาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ขณะเดียวกันโครงการโรงไฟฟ้า Glow เฟส 5 สามารถเดินเครื่องกลับมาเต็มกำลังแล้ว , โรงไฟฟ้า Gheco-1 ได้มีการซ่อมแซมและปรับปรุงประสิทธิภาพครื่องผลิตเต็มกำลังผลิต ทำให้ลดการซ่อมบำรุงนอกแผนไม่ให้เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้บริษัทเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานทดแทน 5,000 เมกะวัตต์ ในรอบแรก ได้กำลังการผลิตรวมกว่า 16 เมกะวัตต์ และยังเตรียมเข้าร่วมประมูลพลังงานทดแทนรอบสอง ที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 3,600 เมกะวัตต์

ปัจจุบัน GPSC มีกำลังการผลิตที่ 6,397 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นในไทยกว่า 57% อินเดีย ใต้หวัน ลาว และคาดว่าปี 68 จะเพิ่มเป็น 7,974 เมกะวัตต์ ดังนั้นภาพรวมปีนี้จะเป็นปีของการฟื้นตัวของบริษัท

ส่วนนโยบายของภาครัฐฯ ในการลดค่าไฟนั้น ปัจจุบันก็ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยจากการติดตามข่าวพบว่าภาครัฐคงไม่มีนโยบายแค่ลดค่าไฟ แต่มองในแง่ของโครงสร้างต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่จะเอามาใช้ผลิตไฟฟ้าควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งมีตัวเลือกหลายๆ ทางว่าจะเอาก๊าซฯ เข้ามาจากแหล่งไหนมาคำนวนต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งบริษัทมองว่าแบบนี้จะลดทั้งโครงสร้าง โดยลดทั้งต้นทุนราคาพลังงานและค่า FT ที่ลดลงด้วย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ร่วมกันได้

ปัจจุบัน บริษัทยังโฟกัสการลงทุนในโครงการที่พัฒนาตามแผน อาทิ โครงการ SPP,โครงการหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากกากน้ำมัน Energy Recovery Unit (ERU),โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน และโครงการโรงไฟฟ้าของกลุ่มอวาด้าอีก 4 โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังไม่ปิดโอกาสดีล M&A ซึ่งดำเนินการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยหากมีความชัดเจนบริษัทจะรีบแจ้งให้ทราบ

ขณะที่วางงบลงทุนช่วง 5 ปีข้างหน้า ไว้ประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและใช้ซ่อมบำรุงหรือปรับปรุงโรงไฟฟ้าต่างๆ

นางศิโรบล กล่าวว่า บริษัทฯ ยังเดินหน้าในกลยุทธ์เรื่องของแบตเตอรี่ และ Value Chain ต่างๆ ร่วมกับปตท.เพื่อรองรับดีมานด์ในส่วนของอีวีที่จะมากต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงทุนในบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. ประเทศจีนที่จะช่วยซัพพลายให้จีน กำลังการผลิต 1GWh คาดเริ่มผลิตในปลายปี 66 ส่วนร่วมมือกับ Gotion Singapore Pte. Ltd. (Gotion) ผู้ประกอบการจีน มีการลงทุนสร้าง Module and pack assembly plant business โดยเฟสแรก 1 GWh และมีโอกาสขยายไป 2GWh ในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าโรงงานเฟส 1 จะแล้วเสร็จในปลายปี 66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 66)

Tags: , , ,