หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รอดู MOU จัดตั้งรัฐบาล-ปัจจัยตปท.ยังไม่แน่นอน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ รอติดตามแถลง MOU ของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล จะออกมาอย่างไร ส่วนปัจจัยภายนอก ยังมีความไม่แน่นอนจากถ้อยแถลงของประธานเฟดยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งรัฐมนตรีคลังสหรัฐมองความเสี่ยงภาคธนาคารสหรัฐว่ายังมีอยู่ และการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐยังยืดเยื้อมาสัปดาห์นี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,530 จุด แนวรับ 1,500 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีแกว่งไซด์เวย์ รอติดตามการแถลง MOU ของพรรคก้าวไกล และพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งจะต้องรอติดตามว่าจะมีนโยบายอะไรบ้างที่ออกมาใน MOU ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับความกังวลมาก โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่มีความกังวลในความเสี่ยงจากนโยบายของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อีกทั้งรัฐมนตรีคลังสหรัฐยังมีการแถลงในเรื่องความเสี่ยงของภาคธนาคารสหรัฐยังคงมีอยู่ และการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐยังยืดมาในสัปดาห์นี้ ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนที่มาจากปัจจัยภายนอก ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนวันศุกร์ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

พร้อมให้แนวต้าน 1,530 จุด แนวรับ 1,500 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,426.63 จุด ลดลง 109.28 จุด หรือ -0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,191.98 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,657.90 จุด ลดลง 30.94 จุด หรือ -0.24%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,735.71 จุด ลดลง 72.64 จุด หรือ -0.23%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,479.06 จุด เพิ่มขึ้น 28.49 จุด หรือ +0.14% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,278.60 จุด ลดลง 4.94 จุด หรือ -0.15%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ค.66) 1,514.89 จุด ลดลง 11.80 จุด (-0.77%) มูลค่าการซื้อขาย 47,318.45ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,236.18 ล้านบาท (19 พ.ค.66)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(19 พ.ค.66) ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 71.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ค.66) อยู่ที่ 5.80 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.36 แข็งค่าค่าตามภูมิภาค จับตา MoU จัดตั้งรัฐบาล

– จับตาการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 152 เสียงพรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง รวม 313 เสียง

– “ก้าวไกล-เพื่อไทย” แกนนำ ตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะร่วมบริหารกระทรวงเศรษฐกิจ หลายโครงการร้อนรอตัดสิน “ไฮสปีด 3 สนามบิน” รออนุมัติแก้สัญญาให้ซีพี “อู่ตะเภา” ปรับจ่ายผลตอบแทนรัฐ กทท.เปิดเจรจา “กัลฟ์” ยืดสัญญาแหลมฉบังเฟส 3 รฟม.รอฝ่ายนโยบายเคาะประมูลสายสีส้มใหม่ กทม.รอเคลียร์หนี้-สัมปทานบีทีเอส

– บอร์ด รฟม. เห็นชอบโมโนเรล “สีน้ำตาล” 4.98 หมื่นล้าน ชงร่วมทุน PPP Net-Cost รับสัมปทาน 30 ปี เสนอ ครม. อนุมัติ ธ.ค.66

– รมว.คลัง ชี้งบประมาณปี 2567 ให้รอรัฐบาลใหม่มาเคาะเอง แนะควรทำนโยบายคลังแบบมุ่งเป้าและนโยบายรัฐสวัสดิการก็ยังมีความจำเป็น

– “บัญชีเทรดคริปโท” โตต่อเนื่อง 4 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.76 หมื่นบัญชี ดันบัญชีรวมแตะ 2.93 ล้านบัญชี “บิทคับ เอ็กซ์เชนจ์” ชี้ นักลงทุนมองเป็นโอกาส หลังราคาเหรียญปรับตัวลงมาพอสมควร เผย ลูกค้าเปิดบัญชีดันเดือนนี้แตะ 1.89 ล้านบัญชี พร้อมเดินหน้าเพิ่มสินค้าต่อเนื่อง ช่วงที่เหลือปีนี้เน้นโทเคนดิจิทัล

*หุ้นเด่นวันนี้

– KTC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท แนวโน้มกำไรในช่วงไตรมาส 2/66 ได้แรงหนุนจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ดีต่อเนื่อง ตามทิศทางการบริโภค การท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลหนุนรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันบริษัทสามารถคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี

– HANA (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 42.50 บาท ใกล้จุดทยอยซื้อสะสม หลังราคาหุ้นปรับฐาน -25%YTD สะท้อนปัจจัยลบด้านผลประกอบการและ Sentiment ของกลุ่ม Semi Conductor ที่ชะลอตัว (ประเมิน H2/66 จะดีขึ้น) ลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวหลังปัญหาการขาดแคลนชิป และ Supply Chain คลี่คลาย + Fully Reopen หนุน Sentiment กลุ่มให้ดีขึ้น ส่วนจีนการฟื้นตัวของ Demand จะเร่งขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นกัน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 66-67 ที่ 2.11 พัน ลบ. และ 2.59 พัน ลบ. +0.43%YoY และ +23%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 66)

Tags: , , ,