ซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลังหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าปกติ
มาตรจำกัดในครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่คืนวันนี้จนถึงวันที่ 2 ก.ค. และจะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวออสเตรเลียกว่า 1 ล้านคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ประชากรหนาแน่นทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ วูลลาห์รา, เวฟเวอร์ลีย์, แรนด์วิค และเขตสภาเมืองซิดนีย์
ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้ ประชาชนจะสามารถออกนอกบ้านพักอาศัยได้เฉพาะเมื่อซื้อของใช้จำเป็น, เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์, ออกกำลังกายกลางแจ้ง, ทำงานในสาขาอาชีพที่สำคัญ หรือเข้าเรียนในสถานศึกษา
นางแกลดิส เบรีจิเกลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์และนายแบรด ฮาซซาร์ด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ออกแถลงการณ์ร่วมโดยระบุว่า “เราเข้าใจดีว่า ขณะนี้ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบาก อย่างไรก็ดี เราจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวเพื่อให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้ และขอแนะนำให้ประชาชนเดินทางเข้าออก 4 พื้นที่ดังกล่าวต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น”
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐนิวเซาท์เวลส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 24 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย. รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 11 ราย โดยในจำนวนนี้มี 6 รายที่รายงานในช่วงเช้าวานนี้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ติดเชื้ออีก 17 รายที่เตรียมนำไปนับรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันพรุ่งนี้
ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 65 รายที่เชื่อมโยงกับกรณีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มในเขตชานเมืองด้านตะวันออกของซิดนีย์ จากการที่พนักงานขับรถรายหนึ่งสัมผัสกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ก่อนจะได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, มาตรการล็อกดาวน์, รัฐนิวเซาท์เวลส์, ออสเตรเลีย, แกลดิส เบรีจิเกลียน, แบรด ฮาซซาร์ด, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา