นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) พบสิ่งผิดปกติในหลายเรื่อง ดังนี้ 1.การจ่าหน้าซองส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นในหลายหน่วยเลือกตั้ง เช่น จ.นนทบุรี ที่ใส่รหัสจ่าหน้าซองผิด จ.กาฬสินธุ์ ที่ไปลงคะแนนในเขตหนึ่ง แต่คะแนนถูกส่งไปอีกเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจทำให้คะแนนมีการคาดเคลื่อน เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่ควรเกิดขึ้น
2.การลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าผิดพลาด ซึ่งในการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเลือกตั้งวันสุดท้าย ระบบล่มทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ออกมาแถลงยอมรับว่าระบบล่มจริง แต่ยังสามารถเข้าไปดึงข้อมูลของผู้ที่จะลงทะเบียนใช้สิทธิและลงทะเบียนย้อนหลังให้ได้
แต่เหตุการณ์การใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีผู้มาใช้สิทธิ 2 คนได้รับแจ้งจากประธาน กกต.เขตว่าการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ ต้องกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดภูมิลำเนาในวันเลือกตั้ง ทั้งที่ได้ลงทะเบียนแล้ว แต่ไม่สามารถใช้สิทธิได้
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแถลงของเลขาธิการ กกต.ที่บอกว่าจะลงทะเบียนย้อนหลังให้ แต่กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทำให้ประชาชนอาจเสียสิทธิ และเป็นภาระในการเดินทางกลับไปภูมิลำเนา ฉะนั้น กกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหานี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่รับปากแต่ไม่ดำเนินการ
3.ความไม่สะดวกในการใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า หลายเขตเกิดความแออัดในการลงคะแนน ผู้มาใช้สิทธิบางคนต้องรอนานกว่า 3 ชั่วโมง หรือหลายคนก็ไม่สามารถใช้สิทธิได้ทันเวลา เนื่องจากมีปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
“อยากได้คำตอบจาก กกต.เรื่องนี้ เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมขึ้น โดยเราจะส่งเรื่องทั้งหมดถึง กกต.ภายในสัปดาห์นี้ และหวังว่าในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.จะไม่เกิดข้อผิดพลาดเหมือนการเลือกตั้งล่วงหน้า” นายประเสริฐ ระบุ
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีจ่าหน้าซองผิดนั้น กกต.จะแก้ไขอย่างไร โดยความผิดพลาดที่เห็นชัดเช่นนี้ อาจนำไปสู่การฟ้องร้องว่าการเลือกตั้งมีปัญหาในเชิงกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงมาก เท่าที่ตรวจสอบดูเข้าใจว่าอาจจะไม่มีความพร้อมในเรื่องของการจัดการ การอบรมกรรมการประจำหน่วย และการให้ความรู้
ทั้งนี้ มีเรื่องที่อยากจะฝากถึง กกต. คือการตั้งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง ที่ต้องมีการคิดค่าใช้จ่าย ที่ผ่านมา กกต.มีแนวปฏิบัติว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้คิดจากเขตเลือกตั้ง เนื่องจากประจำอยู่ในหน่วยเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้กลับมาเปลี่ยนให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปคิดจากพรรคการเมืองในช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งแล้ว คิดเป็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ขั้นต่ำตกอยู่ที่ประมาณ 33 ล้านบาท
แต่พรรคการเมืองได้รับอนุมัติให้ทำกิจกรรมใช้ไม่เกิน 44 ล้านบาท ซึ่งพรรคการเมืองปฏิบัติตามนี้ไม่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้งบไปเกือบครบตามจำนวนที่ กกต.กำหนดแล้ว หมายความว่าพรรคการเมืองต้องไม่ส่งผู้สังเกตการณ์ หรือส่งไปแล้วก็ต้องถอนตัว ซึ่ง กกต.ดูเหมือนว่าจะทำเรื่องนี้ให้หมิ่นเหม่ ผิดกับธรรมเนียมประเพณีที่เคยทำมา และคงไม่มีพรรคการเมืองใดที่ส่งผู้สังเกตการณ์ครบ 400 เขต
ส่วนกรณีโซเชียลติดแฮชแท็ก กกต.มีไว้ทำไมนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนในโซเชียล เป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นความรู้สึกของประชาชนว่าสิทธิในการเลือกพรรคการเมืองหรือผู้สมัครเขตที่เขามีความปรารถนานั้นถูกกระทบ
โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ประชาชนสะท้อนไว้ คือต้องการความยุติธรรม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ กกต.ควรรับฟัง และดูว่ายังมีข้อบกพร่องตรงไหนที่ต้องปรับบ้าง ทั้งนี้ สำหรับการเลือกตั้งอาจมีข้อผิดพลาดได้ แต่ต้องน้อยที่สุด และเราจัดการเลือกตั้งมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้านั้นอาจมีมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ที่ต้องพิจารณาและมีคำตอบให้ประชาชน ทำให้ประชาชนวางใจกกต.ได้
ส่วนกรณีที่ กกต.เปิดเผยข้อมูลเรื่องร้องเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการสัญญาว่าจะให้ มองว่าในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีความรุนแรงขึ้น จนเป็นตัวแปรในการเลือกตั้งขึ้นหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นช่วงที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมากในเกือบทุกการเลือกตั้งอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ กกต.ต้องรวบรวมเรื่องเหล่านั้น แล้วไปหาคำตอบที่จะทำประชาชนสบายใจ เข้าใจชัดเจน ไม่ใช่รับเรื่องและปล่อยให้ผ่านไป หากจัดการเรื่องนี้ได้อย่างยุติธรรมได้ ก็จะทำให้ กกต.มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น แต่หากจัดการได้ไม่ยุติธรรม คำถามที่ว่ากกต.มีไว้ทำไมก็จะเป็นคำถามที่รุนแรงและหนักมาก
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความถึงความผิดปกติสำหรับการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าใน จ.อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่งมีรถขนชาวบ้านไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งกลางที่อยู่ไกลออกไป แทนที่จะใช้สิทธิในวันที่ 14 พ.ค.โดยทั้ง 3 จังหวัดเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คำตอบเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น แต่อยู่ที่ กกต.ว่าจะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนอย่างไร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 66)
Tags: กกต., การเลือกตั้ง, ประเสริฐ จันทรรวงทอง, พรรคเพื่อไทย, ส.ส., เลือกตั้งล่วงหน้า