ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (8-12 พ.ค.) ที่ระดับ 33.80-34.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์แบงก์ และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่น และตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีน อาทิ ข้อมูลการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน
โดยในรอบสัปดาห์นี้ เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 34.00 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 33.99 บาท/ดอลลาร์ ก่อนผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงแรก ก่อนจะพลิกแข็งค่าก่อนผลการประชุมเฟด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ลดลงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาท ยังสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ที่กลับขึ้นไปยืนเหนือแนว 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อีกครั้ง
อนึ่ง ตลาดการเงินในประเทศปิดทำการและเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ก่อนผลการประชุมเฟดในวันที่ (2-3 พ.ค.) และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (4 พ.ค.)
ล่าสุด ในวันพุธที่ 3 พ.ค.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.03 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับ 34.14 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-3 พ.ค.66 นั้น แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยประมาณ 409 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 18,856 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ค. 66)
Tags: Forex, KBANK, ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท