พรรคเพื่อไทยยกทีมขึ้นเวทีปราศรัย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ จังหวัดบุรีรัมย์ ณ โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อ.ละหานทราย ท่ามกลางประชาชนร่วม 10,000 คน นำทัพโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย, นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, พานทอนแท้ ชินวัตร, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ร่วมด้วยผู้สมัคร ส.ส. บุรีรัมย์ นายสมนึก เฮงวาณิชย์ เขต 9 เบอร์ 3, จำรัส เวียงสงค์ เขต 10 เบอร์ 7, พรรณธนู วรรณกางซ้ายเขต 7 เบอร์ 10
นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดเป็นอย่างมาก และในอดีต เราเคยทำได้มาแล้ว แต่ปัจจุบันยาเสพติดระบาด ลูกหลานติดยาถ้วนหน้า รัฐบาลปัจจุบันกลับไม่ได้เอาใจใส่ในการจับกุมผู้ผลิต บำบัดผู้เสพ แม้แต่น้อย รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะชูนโยบายปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยจะนั่งหัวโต๊ะบริหารจัดการให้สิ้นซาก นำผู้เสพมาบำบัดเป็นผู้ป่วย สอนวิธีการประกอบอาชีพให้กลับไปบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม ในทางตรงกันข้าม คนค้ายาต้องถูกจัดการโดยเด็ดขาด ยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด
ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรามีนโยบายมากมายดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งนโยบายออกโฉนด 50 ล้านไร่ ให้พี่น้องเกษตรกรมีที่ดินทำกินของตัวเอง สามารถนำไปกู้เงินมาทำกิน และส่งต่อให้ลูกหลานได้ การทำการเกษตรภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต้องไม่ท่วมไม่แล้ง สร้างพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ สำรวจแต่ละครอบครัว ถ้ามีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทจะเติมให้เต็มทุกเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และปีแรกปรับเป็น 400 บาททันที เงินดิจิทัล 10,000 บาทถึงมือคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ให้พี่น้องทุกคนกินดีอยู่ดี ย้ำว่าบัตรคนจนยังมีอยู่ ไม่ยกเลิก ถ้าจะยกเลิกเพราะพี่น้องเลิกจนด้วยนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทย
“ถ้าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค แบ่งปันใจไม่ได้ ถ้าเลือกพรรคอื่นที่ไม่ใช่เพื่อไทย พวกเขาจะกลับมาอีก เพราะเขามี ส.ว.250 คนในมือ ทำให้พี่น้องไม่ได้หลุดพ้นจากหลุมดำความยากจน ดังนั้น บุรีรัมย์ ส.ส. 10 คน ต้องยกให้เพื่อไทยทั้ง 10 เขต ขอคะแนนให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เดินเข้าสู่สภาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทย เราไม่ยอมให้ 2 ลุงกลับมาอีกแล้ว 14 พฤษภาคม นี้ เข้าคูหา บัตรสีเขียว กาพรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 บัตรสีม่วง เลือก ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย มาร่วมกันทำให้ชีวิตพี่น้องดีขึ้นทุกคนไปด้วยกัน” นายเศรษฐากล่าว
นายสุทิน ปราศรัยว่า ตั้งแต่ปี 2544 พี่น้องได้นายกรัฐมนตรีชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร หากินง่าย หนี้สินลด ปราบยาเสพติดให้ ไปโรงพยาบาลคลอดลูกแค่ 30 บาท พอมาถึงนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ข้าวราคากิโลละ 7-8 บาท ก็กลายเป็น 15 บาท มีเงินเก็บ รายได้ลด แต่พอเขามาไล่นายกรัฐมนตรีของพวกเราไป เราก็ลำบากขายข้าวไม่ออกมีแต่หนี้ พอบอกให้ช่วยแก้ไขก็ไล่เราให้ไปปลูกหมามุ่ย
นอกจากปัญหายาเสพติดหนักไม่พอ ยังมีกัญชาเข้ามาอีก มีแต่พรรคเพื่อไทยกล้าประกาศปราบยาเสพติด แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าประกาศ เพราะเขามีนโยบายกัญชาอยู่ พรรคเพื่อไทยไม่ติดขัดกัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่ใช่ปล่อยกัญชาเสรีพี้กันเสรี นี่มิใช่เป็นการพูดเกินจริง ตอนนี้เด็กไปโรงเรียนพกกัญชาไป ครูจับได้บอกครูกฎหมายบอกไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว ดังนั้น พรรคเพื่อไทยคัดค้านกัญชาเต็มที่ อีกพรรคดันกัญชาเต็มที่
“ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ต้องเลือกให้ดี ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย ลูกหลานจะได้แทบเล็ตไปโรงเรียน แต่ถ้าเลือกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ลูกหลานเราก็ถือบ้องกัญชาไปโรงเรียน ดังนั้นพี่น้องต้องเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะขาดเท่านั้น ห้ามแบ่งคะแนน แต่ต้องเพื่อไทย 2 ใบทั้งคนทั้งพรรคเท่านั้น”
นายณัฐวุฒิ ปราศรัยถึงกรณีการหาเสียงของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่บอกว่าให้เลือก ส.ส. เขตเป็นพรรคตัวเอง แต่เลือกพรรค ให้เลือกเพื่อไทย ว่านี่เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคข้างเคียงที่ประหลาดแท้ แต่ไม่เป็นไร พรรคเพื่อไทยเคยมี ส.ส.ที่บุรีรัมย์ ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ดังนั้น วันนี้เราขอ ส.ส. เพื่อไทยที่เขต 1-10 ส่วนเขต 11 ขึ้นไปให้พรรคอื่นได้
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่าพรรคเพื่อไทย มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แจกกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทพี่น้องได้แน่ๆ ครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง 20,000 เพื่อไทยจะเติมให้ถึง พี่น้องเปรียบเทียบเอา จะเอาบ้องกัญชาหรือจะเอาเงินหมื่น
“เลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสเดียว ที่เราจะไล่ประยุทธ์ออกไป อย่าคิดนะว่าถ้าเขาได้กลับมาจะอยู่ต่อแค่ 2 ปี ถ้าเขากลับเข้ามาจะให้ ส.ว.แก้กติกาอยู่ยาวกี่ปีก็ไม่รู้ได้ แต่พวกเราจะตายกันเสียก่อน ยืนยันหลักการว่า ถ้าเลือก ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยให้เป็น ส.ส.แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนใครซื้อไป หลักการประชาธิปไตยที่ชัดเจนว่านักการเมืองต้องไม่หักหลังประชาชน ซื่อตรงกับประชาชนเท่านั้น ดังนั้นวันที่ 14 พฤษภาคม เลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค อย่าแบ่งใจปันใจให้ใครทั้งสิ้น มิเช่นนั้นเราก็จะเจอประยุทธ์ก้นต่อไป ก็ต้องตัวใครตัวมัน”นายณัฐวุฒิ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 66)
Tags: บุรีรัมย์, พรรคเพื่อไทย, เพื่อไทย, เลือกตั้ง