กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เรียกร้องให้จีนหยุด “พฤติกรรมที่ยั่วยุและเป็นอันตราย” ในทะเลจีนใต้ หลังเกิดเหตุเรือจีนเกือบชนเข้ากับเรือยามฝั่งของฟิลิปปินส์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) ฟิลิปปินส์กล่าวหาหน่วยยามฝั่งของจีนว่า “ใช้กลยุทธ์ที่ก้าวร้าว” หลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากับหน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์ที่กำลังลาดตระเวนใกล้สันทรายเซกเคิน โทมัส (Second Thomas Shoal) อันเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งฟิลิปปินส์ 195 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์
อนึ่ง สันทรายเซกเคิน โทมัส เป็นที่ตั้งของกองทหารขนาดเล็กอาศัยอยู่บนเรือสหรัฐสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เก่าจนขึ้นสนิม โดยเรือลำดังกล่าวจงใจจอดเรือในบริเวณนี้มาตั้งแต่ปี 2542 เพื่อตอกย้ำการอ้างสิทธิเหนือดินแดนของฟิลิปปินส์
เมื่อวันศุกร์ กระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า เรือของฟิลิปปินส์ได้บุกรุกเข้ามาในน่านน้ำของจีนและจงใจกระทำการยั่วยุ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสหรัฐ “ยืนหยัดเคียงข้างฟิลิปปินส์ผู้เป็นพันธมิตรของเราในการสนับสนุนกฎที่ตกลงกันระหว่างประเทศสำหรับระเบียบทางทะเล”
ความขัดแย้งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยฟิลิปปินส์กล่าวว่าเรือจีนลำหนึ่งได้เล็ง “เลเซอร์ที่ใช้สำหรับการทหาร” ไปยังเรือเสบียงลำหนึ่งของตน
ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดโดยใช้ “เส้นประ 9 เส้น” บนแผนที่ซึ่งทอดยาวกว่า 1,500 กม. จากจีนแผ่นดินใหญ่ เส้นดังกล่าวซ้อนทับกับเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้มีคำตัดสินในปี 2559 ว่าไม่ยอมรับเส้นประบนแผนที่ดังกล่าวของจีนเนื่องจากไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 66)