สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้สำรวจความเห็น FTI Poll ครั้งที่ 28 ในเดือน เม.ย.66 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองของภาคอุตสาหกรรมต่อการจ้างงานและการปรับตัวของแรงงานในอนาคต” เนื่องจากวันที่ 1 พ.ค.ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งแรงงานถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาคการผลิตของไทย
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่มองเรื่องอัตราการจ้างงานในปัจจุบันได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 แล้ว และคาดว่าในปีนี้การจ้างงานจะยังมีแนวโน้มคงที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและชะลอตัว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมจะต้องมีการปรับตัวในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการแรงงานและการจ้างงานที่ได้ให้ความสำคัญกับการ Upskill/Reskill และสร้าง New Skill เพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ รวมถึงมีการเริ่มใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีมาช่วยในกระบวนการผลิตทดแทนการใช้แรงงานมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานและปัญหาประสิทธิภาพแรงงาน
โดยผู้บริหาร ส.อ.ท.ได้เสนอให้ภาครัฐเร่งสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพแรงงาน (Labor Productivity) โดยเฉพาะการสนับสนุนระบบการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) และการยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งการขยายสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมแรงงานเพื่อ Upskill/Reskill เป็นลดหย่อนภาษีได้ 250% เท่ากับการอบรมทักษะขั้นสูงที่ได้รับการรับรองจาก สอวช. เพื่อจูงใจภาคเอกชนให้มีการส่งบุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมให้มากขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานในทุกด้าน
นอกจากนี้ หากพิจารณาจากทักษะที่เป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม 3 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 เป็นทักษะทางวิศวกรรม (Engineering Skills) อันดับ 2 เป็นทักษะทางดิจิทัล (Digital Skills) และอันดับ 3 เป็นทักษะทางการวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 66)
Tags: FTI Poll, การจ้างงาน, มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, แรงงาน