40 ครอบครัวผู้สูญหายทยอยขอส่งดีเอ็นเอรอเทียบเคียงร่างที่พบใต้ตึกถล่มแผ่นดินไหว

พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่า ขณะนี้มีร่างของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง) ถล่ม ถูกส่งมาพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวชวิทยาแล้ว 12 ร่าง ซึ่งตอนนี้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ตัวบุคคลได้ครบแล้ว แต่ยังมีปัญหาในส่วนของร่างที่เป็นแรงงานชาวต่างชาติ 1 รายที่ทางแพทย์นิติเวชพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นบุคคลใด แต่ยังไม่มีบริษัท หรือญาติของผู้เสียชีวิตรายนี้เข้ามายืนยัน จึงอยากจะขอวิงวอนให้บริษัทต้นสังกัดของผู้เสียชีวิตเข้ามาติดต่อเพื่อรับร่างของผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา

ส่วนในเรื่องของการตรวจดีเอ็นเอนั้น ขณะนี้มีครอบครัวของผู้สูญหายจำนวนกว่า 40 ครอบครัวเข้ามาติดต่อและขอเก็บดีเอ็นเอเพื่อเป็นฐานข้อมูลเอาไว้แล้ว แต่ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้เข้ามาติดต่อ เนื่องจากในตอนนี้ตัวเลขของผู้สูญหายทราบว่ามีประมาณ 76 ราย จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ญาติของผู้สูญหายในเหตุการณ์ตึกถล่มเดินทางเข้ามาที่สถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อเก็บหลักฐานทางดีเอ็นเอ และเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความ โดยสามารถเดินทางมาที่สถาบันนิติเวชวิทยาได้เลย เพราะที่นี่เรามีการจัดเตรียมพนักงานสอบสวน พร้อมกับเขตในการแจ้งใบมรณบัตรเอาไว้แล้ว

ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ แขมคำ อายุ 43 ปี สามีของนางสาววิภาคำ พรหมภักดี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่ม กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุกินไม่ได้นอนไม่หลับได้แต่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในการค้นหาผู้รอดชีวิตของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่พพบร่างผู้เสียชีวิตสวมแหวน พร้อมทั้งชุดของบริษัทที่ตนเองและภรรยาทำงานอยู่ เมื่อเห็นจึงจำได้ทันทีว่าเป็นภรรยาตนเอง

วันที่เกิดเหตุภรรยามีหน้าที่ขับลิฟท์รับส่งคนงาน ส่วนตนทำหน้าที่ให้สัญญาณกับเครนที่อยู่บนดาดฟ้า ซึ่งในวันเกิดเหตุทราบว่าภรรยาทำงานอยู่บริเวณชั้น 28 ส่วนตัวเองอยู่บริเวณหน้าตึก ซึ่งตอนที่เกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนปูนลั่น 2 ครั้ง จึงได้พยายามโทรไปหาภรรยา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากปูนลั่นครั้งที่ 3 ตึกก็ถล่มมา จึงวิ่งเอาตัวรอดออกมาและพยายามโทรศัพท์ไปหาภรรยาอยู่เรื่อยๆหลังจากตึกถล่มลงมาฝุ่นก็ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณเมื่อฝุ่นจางก็รีบวิ่งกลับไปที่กองซากตึก และไปเรียกหาภรรยาอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่มาดึงตนออกไป เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

หลังจากนั้น ก็เฝ้ารออยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุตั้งแต่วันแรกจนถึงเมื่อคืนนี้ที่เจ้าหน้าที่เจอร่างของภรรยา จากนี้จะนำร่างของภรรยากลับไปประกอบพิธีกรรมตามศาสนาที่ จ.ศรีสะเกษ และจะกลับมาทำงานรับจ้างเพื่อเก็บเงินส่งให้ครอบครัวและลูกต่อไป เนื่องจากไม่มีทรัพย์สินอื่นและไม่มีความรู้ ช่วงที่ภรรยายังอยู่นั้นตนเองกับภรรยาก็ทำงานรับจ้างทั่วไป พยายามหาเงินส่งให้กับครอบครัวและลูกเลยทำให้ไม่เคยคิดถึงอนาคตเรื่องอื่น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 68)

Tags: , ,