“ไอร่า แอนด์ ไอฟุล” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 1,666.67 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้ขยายสินเชื่อ-คืนหนี้

บมจ.ไอร่า แอนด์ ไอฟุล (A&A) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,666,670,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจให้สินเชื่อ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท รวมทั้งชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงินและถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

A&A เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจด้านการเงินและการลงทุน และ บริษัท ไอฟุล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งจดทะเบียนใน Prime Market of the Tokyo Stock Exchange (TSE) ในประเทศญี่ปุ่น

บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (นาโนไฟแนนซ์) โดยบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับจากกระทรวงการคลัง

ปัจจุบัน บริษัทได้ให้บริการสินเชื่อเงินสดหมุนเวียนผ่านบัตรกดเงินสดเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 1) บัตรเอมันนี่ (A Money) และ 2) บัตรเบนิฟิท พลัส (Benefit Plus) โดยรายได้ของบริษัทที่เกิดจากธุรกิจสินเชื่อเงินสดหมุนเวียน ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับจากเงินกู้ยืม (Interest Income) และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อาทิเช่น ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ (Collection Fee) และค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใหม่ เป็นต้น

บริษัทมีสาขาให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ในจุดที่มีประชากรหนาแน่น โดยเลือกทำเลที่ตั้งในบริเวณห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่อยู่ในพื้นที่แหล่งชุมชน ซึ่งครอบคลุม 27 จังหวัดในประเทศไทย โดย ณ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 27 สาขา โดยแบ่งเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 13 สาขา ภาคเหนือ 2 สาขา ภาคกลาง 3 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 สาขา ภาคตะวันออก 3 สาขา และภาคใต้ 3 สาขา

ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทมีบูธจัดกิจกรรมทางการตลาด โดยจะเป็นจุดให้บริการรับเอกสารการสมัครขอสินเชื่อหมุนเวียน ขอเพิ่มวงเงิน ให้กับลูกค้า จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ (1) บิ๊กซี นครปฐม (2) โลตัส นวนคร (3) เยส บางพลี พลาซ่า (4) บิ๊กซี ศรีมหาโพธิ์ ปราจีนบุรี (5) บิ๊กซี พัทยาใต้ (6) ฮารเบอร์มอลล์ แหลมฉบัง ชลบุรี (7) บิ๊กซี ภูเก็ต และ (8) ซีเค พล่าซ่า ระยอง

และบริษัทได้พัฒนาเว็บไซต์ www.amoney.co.th เพื่อให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร และเพื่อให้บริการลูกค้าในการสืบค้นข้อมูล รวมถึงบริษัทได้พัฒนา Mobile Application ในชื่อของ A Money Application เพื่อรองรับการทำธุรกรรมผ่านมือถือและสมาร์ทโฟน เพื่อให้บริการออนไลน์แบบครบวงจรแก่ลูกค้า

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 24 ก.ค.66 มี กลุ่มบริษัทไอฟุล คอร์ปอเรชั่น และผู้ถือหุ้นชาวญี่ปุ่น ถือหุ้น 2,487,500,000 หุ้น คิดเป็น 49.75% ภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 37.31% ขณะที่ AIRA (มีตระกูลจุฬางกูร ถือหุ้นหลัก) ถือหุ้น 1,500,000,000 หุ้น คิดเป็น 30% จะลดลงเหลือ 22.50%

ผลประกอบการปี 63-65 บริษัทมีรายได้รวม 1,753.22 ล้านบาท 1,664.41 ล้านบาท และ 1,889.78 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ขณะที่มีผลขาดทุน 55.60 ล้านบาทในปี 63 ก่อนจะพลิกเป็นกำไร 301.83 ล้านบาท และ 192.96 ล้านบาทในปี 64 และ 65

ขณะที่ไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้ 444.18 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 24.93 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ และหักสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ส.ค. 66)

Tags: , , ,