นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของบริษัทไฟเซอร์เปิดเผยในรายการ “The Exchange” ของซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์นั้นได้ลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป โดยจะลดลงสู่ระดับประมาณ 84% หลังจากประชาชนฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ไปแล้วราว 4-6 เดือน
ความเห็นของนายบูร์ลานั้นอ้างอิงจากผลการศึกษาครั้งใหม่ของไฟเซอร์ซึ่งยังต้องรอการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไฟเซอร์กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐเกี่ยวกับความจำเป็นในการฉีดวัคซีนโควิดโดสที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
นายบูร์ลาเปิดเผยผลการศึกษาบ่งชี้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ระดับ 96.2% ในช่วง 1 สัปดาห์-2 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2 โดยหลังจากนั้นประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงเฉลี่ย 6% ทุกๆ 2 เดือน และประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงเหลือราว 84% หลังจากการฉีดโดส 2 ไปแล้ว 4-6 เดือน
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ได้ทำการศึกษาระดับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากประชาชนในสหรัฐและประเทศอื่นๆ จำนวนมากกว่า 44,000 คน
นายบูร์ลากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัคซีนจะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และระบุว่า “ข่าวดีก็คือเรามั่นใจมากว่า วัคซีนโดสที่สามซึ่งเป็นบูสเตอร์ จะทำให้การตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่เพียงพอจะป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้”
นายบูร์ลาเปิดเผยว่า ไฟเซอร์เตรียมยื่นข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิดโดสที่ 3 ให้กับเจ้าหน้าที่ควบคุมด้านกฎระเบียบของสหรัฐอย่างเป็นทางการภายในกลางเดือนส.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: Pfizer, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, วัคซีนโควิด-19, อัลเบิร์ต บูร์ลา, ไฟเซอร์