เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะลงนามบังคับใช้กฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF) มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันจันทร์หน้า (15 พ.ย.) โดยพิธีลงนามในวันดังกล่าวจะมีสมาชิกสภาคองเกรสที่ช่วยร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าร่วมด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมาย BIF เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐในเดือนส.ค.
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐ โดยโครงการ BIF ดังกล่าว มีวงเงินรวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
“โครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐ และจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเรามีความทันสมัยมากขึ้น โครงการเหล่านี้จะสร้างระบบการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำประปาที่สะอาด มีเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ครอบคลุม มีสาธารณูปโภคด้านพลังงานที่สะอาด และจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผน American Jobs Plan ของผม”
ปธน.ไบเดนกล่าว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 ขึ้นสู่ระดับ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.6% โดยการปรับเพิ่มคาดการณ์ดังกล่าวเกิดจากสมมติฐานที่ว่า จะมีการบังคับใช้แผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 64)
Tags: กฎหมาย, สหรัฐ, โครงสร้างพื้นฐาน, โจ ไบเดน