นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ประกาศต่อยอดความสำเร็จจากแผน PASSION 2025 ด้วยการขับเคลื่อนการเติบโตยั่งยืนสู่ PASSION 2030 มุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยก้าวต่อไปในปี 68 จัดงบลงทุนเพิ่มเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปกติที่ลงทุนปีละราว 7-8 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการลงทุนในโครงการ Agri Valley Farm ในมาเลเซีย ซึ่งเป็นฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ รวมถึงการขยายโรงงานผลิตเบียร์ในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยเบฟมีศักยภาพในการผลิตเพิ่มขึ้นรองรับความต้องการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น
แม้ไทยเบฟจะยอมรับว่าขณะนี้ยังคงมีความท้าทายในด้านยอดขาย จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มการชะลอตัว เห็นได้จากกำลังซื้อของหลายประเทศเริ่มชะลอลงตาม และผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะประเทศไทย แต่ก็ยังมองภาพบวกว่าการบริโภคในประเทศมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/67 หลังจากภาครัฐเริ่มทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การแจกเงิน 10,000 บาทที่จะช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมาดีขึ้น ส่งผลบวกต่อกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคโดยตรง
ทั้งนี้ ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 ไทยเบฟมีรายได้จากการขายรวม 217,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) 38,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจเบียร์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อันเป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
– ธุรกิจสุรามีรายได้จากการขาย 92,788 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.9% และมี EBITDA ลดลง 1.3%
– ธุรกิจเบียร์มี EBITDA เติบโต 10.2% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 93,793 ล้านบาท
– ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีรายได้จากการขาย 15,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% และ EBITDA 1,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5%
– ธุรกิจอาหารมีรายได้จากการขาย 15,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% EBITDA ลดลง 0.6% เป็น 1,438 ล้านบาทตามต้นทุนเพิ่มขึ้น
นายฐาปน กล่าวว่า กลุ่มไทยเบฟ ยังจะเดินหน้าขยายตลาดกลุ่มเครื่องดื่ม Non-alcohol อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่เติบโตขึ้นค่อนข้างมาก และส่วนแบ่งตลาด (Market share) ของกลุ่มเครื่องดื่ม Non-alcohol ของกลุ่มไทยเบฟในต่างประเทศยังคงมีการขยับเพิ่มขึ้น โดยทำยอดขายในแต่ละปีเฉลี่ย 7 หมื่นล้านบาท และมีความท้าทายอยู่ค่อนข้างมากในการที่จะเพิ่มยอดขายขึ้นไปแตะระดับ 1 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย เนื่องจากปัจจุบันมีการเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียว การจะเติบโตได้สูงกว่าตลาดจึงยังค่อนข้างท้าทาย
ส่วนธุรกิจเบียร์ในประเทศไทย แม้ว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด แต่บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำได้ ซึ่งมองว่าการที่มีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สะท้อนว่าตลาดเบียร์ยังมีความน่าสนใจ แต่บริษัทเองก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อมองหาแนวทางทำตลาดใหม่ๆ และรักษาความเป็นผู้นำในตลาด
ด้านธุรกิจสุรา ยังคงมีการมองหาโอกาสใหม่ๆในการเข้าลงทุนเพิ่มเติม รวมถึงการขยายกำลังการผลิต และขยายตลาด ทำให้ธุรกิจสุราของกลุ่มไทยเบฟมียอดขายที่เทียบกับผู้นำเจ้าตลาดสุราของจีน
สำหรับธุรกิจร้านอาหารยังคงมีการปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ก็ค่อนข้างมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ธุรกิจร้านอาหารไม่ได้ขยายไปมาก แต่เน้นการปรับกลยุทธ์ด้านการขายและผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ทำให้สามารถเพิ่มยอดขาย และสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคได้
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน บริษัทยังคงต้องมีการรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ในแต่ละกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ จากการใช้ข้อมูลต่างๆ
“ในวันนี้เรากำลังมองไปข้างหน้า โดยนำจุดแข็งทางการแข่งขันและขีดความสามารถหลักของเรามาเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างมูลค่าให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตตามพันธกิจขององค์กร”นายฐาปน กล่าว
ไทยเบฟจะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จผ่านการกระจายสินค้าด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่ง (Reach Competitively) โดยที่กลุ่มมุ่งมั่นพัฒนาการส่งมอบสินค้าและบริการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง และขยายขอบเขตให้ครอบคลุมทุกช่องทาง รวมทั้งเจาะตลาดได้อย่างครบวงจรไร้รอยต่อ ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งที่พร้อมแข่งขันทั้งในด้านต้นทุนและการให้บริการที่มีคุณภาพ
การพัฒนาดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต (Digital for Growth) ซึ่งกลุ่มมีความตั้งใจที่จะขยายการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้ รวมถึงประยุกต์ใช้ระบบขายอัตโนมัติ (sales automation) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต การดำเนินงาน รวมถึงการกระจายสินค้า นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า อีกทั้งเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 67)
Tags: ฐาปน สิริวัฒนภักดี, ไทยเบฟเวอเรจ