ไทยเบฟ ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2583 ย้ำความจำเป็น ESG

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวในงานสัมมนา “ESG Game Changer #เปลี่ยนให้ทันโลก” เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ESG ไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ เนื่องจากปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน อุณหภูมิสูงขึ้นทั่งโลก โดยฝั่งโลกตะวันตกอุณหภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียส หรือในไทยที่แตะระดับ 44-45 องศาเซลเซียส กระทบกับการใช้ชีวิต

ก่อนหน้านี้ประชาคมโลกพยายามควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยให้ลดลง 1-2 องศา แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นความชัดเจนในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าโลกอยู่ขั้นวิกฤต และประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จำนวน 0.9% ปี 2561 โดยถูกจัดลำดับอยู่ที่ 20 ของโลก

สำหรับแนวทางของบริษัท ยึดคำว่า ESG มาจาก Environment สิ่งแวดล้อม Social คน และ Governance การบริหารจัดการ ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดเนื่องจากเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนภายนอกและแม้กระทั่งการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยบริษัทสร้างโครงการ ESG ต่าง ๆ เป็นเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การทำเพื่อสังคมและส่วนร่วม ตามแนวคิดสังคมอยู่ได้ เราก็อยู่ได้

รวมทั้งตั้งเป้าหมายด้าน ESG เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และ คืนน้ำสู่ธรรมชาติและชุมชนให้ได้ 100% ภายในปี 2583 ด้านการพัฒนาบุคลากร ต้องมีคะแนนวัดผลการมีส่วนร่วมของพนักงานมากกว่าหรือเท่ากับ 90% ภายในปี 2573 และด้านการบริหารจัดการ คู่ค้าทั้งหมดในกลุ่มกลยุทธ์ต้องจัดทำและบังคับใช้จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าของตนเอง และผสานความร่วมมือเพื่อผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล

นอกจากนี้บริษัทยังสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในเครือข่ายของธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครื่องดื่มตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ และซัพพลายเออร์ในรูปแบบต่าง ๆ นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่นรถ EV ยานยนค์ไร้คนขับ ซึ่งจะส่งผลต่อพนักงานขับรถของบริษัทกว่า 4,000 ราย จึงต้องเร่งพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 66)

Tags: , , ,