บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 324 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยแบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัท จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย SK INTERTRADE PTE. LTD จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น เพื่อเข้าซื้อขายในตลาด mai หมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยมี บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือบล.กสิกรไทยและบล.ทรีนีตี้
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปเป็นเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ และการลงทุนโครงการในอนาคตของกลุ่มบริษัท รวมถึงกระบวนการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ
- ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์
ผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อย จำนวน 11 บริษัท และการร่วมค้า จำนวน 1 บริษัท
บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปีหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายกำหนด
โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565 ได้แก่
บริษัท ทีอีจี แอสเซท จำกัด (ถือหุ้นโดยครอบครัว โกกนุทาภรณ์ 7 ราย) มีสัดส่วน 50% หลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จะเหลือสัดส่วน 37.5%
กลุ่มครอบครัวโกกนุทาภรณ์ คือ
- นายสมชาย โกกนุทาภรณ์ ถือ 3.4% เหลือ 2.6%
- นางกัลยา โกกนุทาภรณ์ ถือ 3.1% เหลือ 2.3%
- นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ถือ 2.5% เหลือ 1.9%
- นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ ถือ 2.4% เหลือ 1.8%
- นายก้องกิต โกกนุทาภรณ์ ถือ 2.4% เหลือ 1.8%
- นายเกริกกุล โกกนุทาภรณ์ ถือ 2.4% เหลือ 1.8%
- นายชวนินทร์ โกกนุทาภรณ์ ถือ 0.5% เหลือ 0.4%
- SK INTERTRADE PTE. LTD. ถือ 33.3% เหลือ 20%
บริษัทฯมีรายได้จากกลุ่มผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันาล์มดิบ และธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์
สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 2563 และ 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามงบการเงินรวม เท่ากับ 8,091.40 ล้านบาท 8,196.25 ล้านบาท และ 11,087.76 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 52.65 ล้านบาท 37.65 ล้านบาท และ 562.64 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และ 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 524.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้นจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 65)
Tags: IPO, หุ้นไทย, หุ้นไอพีโอ, ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์