นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนครบทุกจังหวัดแล้ว โดยรวมตั้งแต่เปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. 64 ไทยตรวจพบโอมิครอนแล้วทั้งหมด 10,721 ราย โดยจังหวัดที่พบมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร พบทั้งหมด 4,178 ราย รองลงมา คือ จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี กาฬสินธุ์ อุดรธานี เชียงใหม่ และขอนแก่น ตามลำดับ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในไทย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการติดเชื้อในประเทศพบเป็นสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 80.4% ดังนั้น คาดว่าปลายเดือนม.ค. การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะเป็นสายพันธุ์โอมิครอนเกือบทั้งหมด
ส่วนการสุ่มตรวจผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ พบสายพันธุ์โอมิครอนแล้วเกือบทั้งหมด หรือคิดเป็น 96.9% ดังนั้น สามารถสันนิษฐานเบื้องต้นได้แล้วว่า ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่พบการติดเชื้อนั้น เป็นสายพันธุ์โอมิครอน
สำหรับการสุ่มตรวจตัวอย่างจะคัดเลือกจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มตัวอย่างจากในประเทศ กลุ่มตัวอย่างจากต่างประเทศ กลุ่มที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต กลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ กลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มติดเชื้อซ้ำ กลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ (50 รายขึ้นไป) กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มอื่นๆ ที่สงสัยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยการสุ่มตรวจ จะสุ่มจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 140 รายต่อสัปดาห์ ต่อเขตสุขภาพ
จากการสุ่มตรวจ พบว่า กลุ่มที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ยังพบสัดส่วนของสายพันธุ์เดลตาสูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มทั่วไปถึง 2 เท่า ดังนั้น จึงยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิดทุกสายพันธุ์ ส่วนกลุ่มที่ได้วัคซีนครบ และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังพบการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาอยู่บ้าง ในส่วนของกลุ่มที่ติดเชื้อซ้ำทุกราย พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดิม ไม่มีภูมิในการป้องกันโอมิครอน
สำหรับสัดส่วนสายพันธุ์ที่เฝ้าระวังในช่วงวันที่ 11-17 ม.ค. 65 จากจำนวนตัวอย่างทั้งหมด 3,711 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบโอมิครอน 86.8% และเดลตา 13.2%
“จำนวนการตรวจจะลดลงเนื่องจากรู้ข้อเท็จจริงแล้วว่าเป็นโอมิครอนเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงต้องถอดรหัสพันธุกรรมแบบเต็มตัว เพื่อเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ อย่างไทยก็พบเดลตาที่เป็นปัญหามากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ เรายังคงต้องอยู่กับโอมิครอน ถ้าไม่มีความรุนแรงมาก สุดท้ายทุกอย่างอาจจะง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม โอมิครอนแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถหลบวัคซีนได้ ดังนั้น ขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโควิดทุกสายพันธุ์ และเพื่อลดอาการป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 65)
Tags: COVID-19, lifestyle, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข, ศุภกิจ ศิริลักษณ์, โควิด-19, โอมิครอน