นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 10 ในหัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมพร้อมเปิดประเทศแล้วหรือยัง?” โดยผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแผนเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ และขอให้ภาครัฐดำเนินนโยบายที่มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้นและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้
นอกจากนี้ยังเสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการพักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ยสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ภาคเอกชน รวมทั้งขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจบันเทิงเปิดบริการได้ พร้อมแนะภาคเอกชนเร่งปรับรูปแบบการดำนินธุรกิจให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19
โดยผู้บริหารส่วนใหญ่ 78% เห็นด้วยกับแผนการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ แต่มีผู้บริหารอีก 22% ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาในการเปิดประเทศ ได้แก่ อันดับ 1 มีอัตราการฉีดวัคซีน 2 เข็มให้แก่ประชาชนไม่ต่ำกว่า 70% อันดับ 2 มีมาตรการคัดกรองตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศ 66.7% อันดับ 3 ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน 62.7% และอันดับ 4 มีความพร้อมด้านระบบสาธารณสุขในการรองรับผู้ติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ 59.3%
สิ่งที่ภาครัฐควรดำเนินนโยบายการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และดูแลเศรษฐกิจ อันดับ 1 ผ่อนคลายภาคธุรกิจและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น 73.3% อันดับ 2 เข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคทุกช่องทาง 14.0% และอันดับ 3 เร่งเปิดประเทศ โดยให้ความสำคัญด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสำคัญ 12.7%
สำหรับแนวทางการเปิดประเทศที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อันดับ 1 เปิดให้อยู่ในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ 14 วัน หากไม่พบเชื้อหลัง 14 วันจึงจะสามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ 44.7% อันดับ 2 เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศในรูปแบบการจับคู่ระหว่างประเทศ (Travel Bubble) โดยไม่ต้องกักตัว 26.0% อันดับ 3 เปิดเฉพาะพื้นที่แซนด์บ็อกซ์เท่านั้น ห้ามออกนอกพื้นที่ 16.7% และอันดับที่ 4 เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศ แต่ต้องผ่านการกักตัว 14 วัน 12.6%
การเตรียมความพร้อมเปิดประเทศนั้น ภาครัฐควรให้ความสำคัญ อันดับ 1 การเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ 70.0% อันดับ 2 การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน 69.3% อันดับ 3 ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีในการติดตามและเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศ 67.3% และอันดับ 4 ความพร้อมในการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR และการจัดหาชุดตรวจ Antigen Test Kit 63.3%
หลังเปิดประเทศแล้วภาครัฐควรมีมาตรการส่งเสริม อันดับ 1 พักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ยสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน 76.0% อันดับ 2 ขยายระยะเวลาเคอร์ฟิว และผ่อนผันให้ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบันเทิง เปิดให้บริการได้ 74.0% อันดับ 3 ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสนับสนุนการจัดงานExhibition และการประชุมในประเทศ 54.0% และอันดับ 4 ลดค่าน้ำ ค่าไฟ อุดหนุนค่าเช่า ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง 50.7%
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อันดับ 1 ปรับรูปแบบการดำเนิธุรกิจให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง 73.3% อันดับ 2 นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ 71.3% อันดับ 3 พัฒนาสินค้าและบริการที่ให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค 66.0% และอันดับ 4 ปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง 57.3%
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้สำรวจความคิดเห็นจากผู้บริหาร (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 64)
Tags: ภาคอุตสาหกรรม, วิรัตน์ เอื้อนฤมิต, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, เปิดประเทศ, เสริมสภาพคล่อง