โบรกแชร์มุมมอง “ทรัมป์” ประกาศนโยบายวันแรกแม้ยังไม่ชัดแต่กลุ่ม F&B-ส่งออกหนาว

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ถึงการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับความเห็นเชิงบวกและเชิงลบต่อกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) และผู้ส่งออกของไทย

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แม้ว่านโยบายการค้าจะยังไม่ชัดเจนในวันแรก แต่เราคาดว่าจะมีความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น โดยประเมินแนวทางของทรัมป์จะเกี่ยวข้องกับสองกลยุทธ์หลัก คือ มาตรการด้านภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เนื่องจาก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นคู่ค้าที่เกินดุลการค้ารายใหญ่อันดับที่ 12 ของสหรัฐฯ ดังนั้นจึงคาดว่าสหรัฐอาจใช้มาตรการภาษีการค้าเพื่อลดช่องว่างนี้

ยูโอบีฯ พิจารณาสถานการณ์ที่เป็นไปได้เกี่ยวกับนโยบายที่เป็นไปได้ของสหรัฐฯ ดังนี้

นโยบายภาษี

– เรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นราว 10-20% ตามที่เคยกล่าวไว้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง) เป็น Sentiment เชิงลบต่อผู้ส่งออกโดยตรง เนื่องจากการเรียกเก็บภาษี (ASP) ที่สูงขึ้น อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้แก่ ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่ม เช่น มะพร้าว และน้ำผลไม้อื่นๆ ที่มีผลิตภัณฑ์ทดแทน เป็นลบต่อ TU, ITC, COCOCO, SAPPE

สำหรับ STA (ยางธรรมชาติ) และ STGT (ถุงมือ) คาดว่าธุรกิจเหล่านี้จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ส่งออกรายอื่นๆ เนื่องจากยังไม่มีการทดแทนยางธรรมชาติโดยตรง แม้จะมียางสังเคราะห์ และประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ ถุงมือเกรดทางการแพทย์ของจีนถูกกำหนดให้ต้องเผชิญกับภาษี 50-100% ในปี 68-69 (ประกาศในวันที่ 24 ก.ย.) เราจึงคาดหวังความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับ STGT แม้อาจถูกเก็บภาษี 10-20% โดยความเสี่ยงหลัก คือ การปฏิบัติตาม EUDR ในปี 69 เนื่องจากนโยบายของนายทรัมป์ไม่น่าจะให้ความสำคัญกับเรี่อง Green

นโยบายที่ไม่ใช่ภาษี

– ปัญหาที่ไม่ใช่ภาษีที่มีมายาวนาน คือ สหรัฐกดดันไทยให้อนุญาตให้นำเข้าสุกร หลายประเทศที่มีการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ได้เปิดตลาดสำหรับเนื้อหมูของสหรัฐแล้ว เราคาดว่าประเทศไทยจะได้รับแรงกดดันให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงลบต่อ CPF, BTG, TFG

– ไทยสามารถบรรเทาแรงกดดันได้ด้วยการนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น มาตรการหนึ่งน่าจะมาจากการนำเข้าถั่วเหลืองหรือกากถั่วเหลืองที่สูงขึ้น (ซึ่งไม่ใช่พืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของเรา)

เมื่อพิจารณาจากแผนงานยกเครื่องการค้าของนายทรัมป์ เราคาดการณ์ถึงความไม่แน่นอนจะมีต่อของผู้ส่งออก เรามองเป็นกลางถึงเชิงลบต่อ TU, ITC, COCOCO, SAPPE จากภาษีนำเข้าทั่วโลก และมองแนวโน้มเป็นลบต่อ CPF, BTG, TFG จากนโยบายที่ไม่ใช่ภาษีสำหรับการนำเข้าเนื้อหมูของสหรัฐฯ ขณะที่คาดหวังว่า STA และ STGT จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ด้าน บล.กสิกรไทย มองว่า

– นายทรัมป์ชะลอการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนทันทีในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยสั่งให้รัฐบาลศึกษาแนวทางจัดการกับการค้าที่ไม่เป็นธรรมในระดับโลกและตรวจสอบว่าจีนได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าในสมัยแรกหรือไม่ การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้นและความต้องการเจรจาข้อตกลงใหม่กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แม้ในระหว่างหาเสียงทรัมป์เคยสัญญาจะขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 60%และสินค้านำเข้าทั่วไป 10-20% อย่างไรก็ตาม ตลาดยังกังวลว่าทรัมป์อาจเปลี่ยนใจและประกาศขึ้นภาษีในอนาคตอันใกล้

– ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศในสุนทรพจน์รับตำแหน่งว่าจะใช้อำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อลดราคาพลังงานในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟฟ้าลงครึ่งหนึ่งภายในปีแรก ผ่านการอนุมัติการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อส่งน้ำมัน สร้างโรงกลั่นและโรงไฟฟ้าใหม่ รวมถึงยกเลิกนโยบายด้านพลังงานของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เกี่ยวกับการส่งออกก๊าซธรรมชาติ การขุดเจาะน้ำมัน และมาตรฐานมลพิษ

– ประเทศในเอเชียหลายประเทศ รวมถึงเกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม เตรียมเพิ่มการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ เพื่อช่วยให้การเจรจาด้านภาษีกับรัฐบาลทรัมป์ง่ายขึ้น หลังจากทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีเพิ่มกับประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุล โดยการเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับนโยบายของทรัมป์ที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและเพิ่มการส่งออกก๊าซของสหรัฐฯ เป็นสองเท่าภายในปี 2573

– กระทรวงพาณิชย์เตรียมรับมือนโยบายการค้าของทรัมป์ที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกไทย 29 กลุ่มที่เสี่ยงถูกสหรัฐขึ้นภาษี โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย คิดเป็น 18% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด มูลค่า 54,956.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และไทยเกินดุลการค้า 35,427.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่เสี่ยงถูกขึ้นภาษี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตรบางรายการ ทั้งนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์มีแผนนำคณะผู้บริหารเยือนสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อเจรจาขอยกเว้นการขึ้นภาษีสินค้าจากไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 68)

Tags: , , , , ,