นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ถึงการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดรับฟังความเห็นการปรับปรุงมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมเนื่องจากมาตรการต่างๆ ใช้มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว จึงควรปรับปรุงให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสถานการณ์ที้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตาม การปรับมาตรการต่างๆ จะต้องมีความโปร่งใส และแจ้งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องล่วงหน้าเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อที่จะให้ทราบโดยทั่วถึงกัน รวมไปถึงต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาโดยรวมด้วย
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลท.ควรรับปรุงภาพรวมของมาตรการและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ทั้งหมดให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย ไม่ใช่เพียงมาตรการกำกับการซื้อขาย เนื่องจากอุตสาหกรรมตลาดทุนเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยขณะนี้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 7 หมื่นล้านบาท/วันแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น การวัดระดับ P/E ควรเมีการปรับปลี่ยน เนื่องจาก P/E ตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ 20 เท่า การซื้อขายหุ้นที่ระดับ P/E 40 เท่าถือว่าเป็นเรื่องปกติ และส่วนใหญ่การซื้อขายหุ้นในระดับ P/E ดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่หุ้นปั่นเสมอไป ส่วนใหญ่มองเป็นหุ้น Growth Stock ที่มีโอกาสการเติบโตสูงในอนาคต
“การปรับมาตรการครั้งนี้มองว่าก็มีประโยชน์อยู่บางส่วน แต่มองว่าการจะปรับมาตรการต่างๆต้องปรับให้เหมาะสมกับปัจจุบันที่ภาพรวมตลาดเปลี่ยนไป ทั้งเรื่องของมูลค่าการซื้อขายที่เปลี่ยนไป มุมมองของหุ้นที่เปลี่ยนไปด้วย สำหรับนักวิเคราะห์เองก็ไม่แนะนำหุ้นปั่นอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นนักลงทุนที่ลงทุนเองทั้งนั้น”
นายมงคล กล่าว
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และนักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน กล่าวว่า มาตรการกำกับการซื้อขายในปัจจุบันถือว่าเพียงพอที่จะดูแลระบบการซื้อขายหลักทรัพย์อยู่แล้ว โดยเฉพาะการกำหนดให้ผู้ลงทุนต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์ (Cash Balance) เพราะนอกจากจะช่วยจำกัดการขาดทุนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่โบรกเกอร์จะมีผลขาดทุนจำนวนมากไปด้วย
ทั้งนี้ มองว่าการตัดสินใจในการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง ควรจะให้นักลงทุนเป็นผู้ตัดสินใจในการลงทุนด้วยตนเอง ถึงบางครั้งแม้ว่าหุ้นตัวนั้น ๆ จะมีความเสี่ยงแต่เมื่ออยากเสี่ยงก็เป็นการตัดสินใจของนักลงทุนเอง ขณะที่ ตลท.มีหน้าที่เพียงเป็นการเตือน และให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนแก่นักลงทุนเท่านั้น
“ปัจจุบันมาตรการต่างๆที่มีถือว่าเพียงพอที่จะสามารถดูแลระบบได้ แต่จะไม่สามารถดูแลได้ก็คือในส่วนของราคาหุ้นมากกว่า ซึ่งราคาหุ้นที่ไม่เป็นไปตามปัจจัยพื้นฐาน แต่เมื่อนักลงทุนพอใจและอยากลงไปเล่นในเกมส์นั้นก็อยู่ที่นักลงทุนจะตัดสิน หน้าที่ของ ตลท. ก็ออกมาเตือนแค่มุมมองความเสี่ยงก็เพียงพอแล้ว”
นายกิจพณ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 64)
Tags: กิจพณ ไพรไพศาลกิจ, ดีบีเอส วิคเคอร์ส, ตลท., ตลาดหลักทรัพย์, ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ, มงคล พ่วงเภตรา, หุ้นไทย