โบรกฯ คาด TKN ปีนี้กำไรทำนิวไฮรอบ 4 ปี มาร์จิ้นพุ่ง รุกตลาดสหรัฐ-ยอดขายในจีนสดใส

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ หุ้นบมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) คาดปีนี้กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High Record) ในรอบ 4 ปี และเติบโตอย่างก้าวกระโดด 39% y-o-y คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 66F เพิ่มเป็น 3.5% ฐานะการเงินดีมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.4 เท่า ด้านความเสี่ยงคือ ภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบมีระดับราคาที่สูง สำหรับวัตถุดิบหลักคือ สาหร่ายมีการนำเข้ามาจากประเทศเกาหลี รวมทั้งแนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับสูงขึ้น แต่สิ่งที่บริษัทจะทำได้คือ การบริหารผลิตให้มีประสิทธิภาพมาชดเชย

ด้านการประเมินมูลค่าหุ้น ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 13.58 บาท ด้วย Forward P/E ที่ 31.1 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง + 1 SD ที่ให้ Premium เพราะแนวโน้มการเติบโตที่สูงของกำไรในอนาคต ขณะที่ราคาเช้านี้ (14 มิ.ย.)เคลื่อนไหว 11.70 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/66 พุ่งเป็น 32.7% เทียบกับ y-o-y ที่ 26.3% ด้วยการประหยัดต้นทุน บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ บริษัทยึดหลักว่าเมื่อทำยอดขายได้เพิ่ม ก็จะทำให้การใช้อัตรากำลังการผลิตสูงขึ้น จึงได้ประโยชน์จาก Economy of Scale อีกทั้งมีการปรับปรุงสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง เช่น ปรับปรุงสายการผลิตแบบทอด ทำให้มาร์จิ้นเติบโตดี ปีนี้จะมาปรับปรุงสายการผลิตแบบย่าง ส่วนการจำหน่ายสาหร่ายแบบอบมากขึ้น ซึ่งตอบสนองต่อแนวโน้มการรักสุขภาพ ก็จะช่วยดันอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มได้ เพราะต้นทุนการผลิตต่ำกว่าแบบทอด นอกจากนี้ยังมีการใช้ระบบ Automation แทนแรงงานคน ก็จะช่วยลดปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สำหรับกำไรสุทธิ 1Q66 เป็น 166 ล้านบาท เพิ่มถึง 164% y-o-y ซึ่งเป็นกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท นั่นคืออัตรากำไรสุทธิได้สูงขึ้นมาก ไตรมาส 1/66 เป็น 13.3% จากไตรมาส 1/65 ที่ 6.5%

บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ ในไตรมาส 1/66 ยอดขายจากจีนทำได้ 303 ล้านบาท เติบโตถึง 31% y-o-y และจากสัดส่วนการขายจากจีนคิดเป็น 24% จากยอดขายต่างประเทศทั้งหมดที่ 62% และ 38% จากยอดขายในประเทศ ถือว่าดีขึ้นมาก หลังจากจีนเปิดประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อปลายปี 65 ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทได้ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ได้ผลคือ Hema Supermarket ของ Alibaba และมีการใช้แบรนด์ แอมบาสเดอร์ คือ กลัฟ ซีและนุนิว ช่วยโปรโมททั้งไทยและต่างประเทศ

ตลาดสหรัฐจะเป็น Star ในอนาคต สำหรับการขยายตลาดในสหรัฐฯ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันทำยอดขายได้แล้วกว่า 300 กว่าล้านบาท ถือว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากเป็นตลาดขนมขนาดใหญ่สุดในโลก จึงมองว่าตลาดสหรัฐจะเป็น Star ของบริษัทในอนาคต

สำหรับตลาดต่างประเทศอื่นๆที่ไปได้ดีคือ อินโดนีเซียและมาเลเซียมีส่วนครองตลาดสูงสุด และอยู่ในกลุ่มขนมที่เติบโตมากที่สุด ปัจจุบัน TKN มีส่วนครองตลาดสูงสุดในสินค้าขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายที่ระดับ 63.6% และปัจจัยบวกคือ อยู่ในกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว ประเภท Salty Snack ที่มีการเติบโตมากที่สุดจากกลุ่มขนมทั้งหมด ยังผลให้มีโอกาสจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต

TKN ได้รับปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวเพิ่ม,ออกผลิตภัณฑ์ใหม่สม่ำเสมอ,เพิ่มช่องทางจำหน่าย จากแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ปีนี้จะมากถึง 28-30 ล้านคน และมักนิยมจะซื้อของฝากกลับบ้าน ก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์บริษัทจำหน่ายได้ดี อีกทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สม่ำเสมอ ก็จะช่วยกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดออก “สาหร่ายอบลองชีท” เพิ่มความสนุกในการรับประทาน รวมทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่าย ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ก็มีความสำคัญ ล่าสุดไปจำหน่ายยัง COSTCO ที่อเมริกา และ Mainstream หลักๆ ซึ่งเป็นช่องทางค้าปลีกและขายส่งขนาดใหญ่ทั้งที่ต่างประเทศ และไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,