ประชากรฟิลิปปินส์เกือบ 4 ล้านรายกลายเป็นคนยากจนในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อันเนื่องมาจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ตำแหน่งงานและอุปสงค์ในประเทศลดลง
สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ดัชนีความยากจนในฟิลิปปินส์ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 23.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จาก 21.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 ซึ่งบ่งชี้ว่า มีชาวฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านคนดำรงชีวิตอยู่ในความยากจน
นายคาร์ล เคนดริก ชัว รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนเศรษฐกิจแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขัดขวางความก้าวหน้าของเราชั่วคราว โดยในปี 2563 รายได้และตำแหน่งงานของประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการกักตัวที่เข้มงวด”
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เกณฑ์ความยากจนสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คนต่อเดือนในฟิลิปปินส์อยู่ที่ประมาณ 12,082 เปโซ (240 ดอลลาร์)
เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชียก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หดตัวมากเป็นประวัติการณ์ถึง 9.6% ในปี 2563 เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ธุรกิจปิดตัวลง รวมถึงการบริโภคภาคครัวเรือนชะลอตัว
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์มียอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แตะ 2.84 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 50,000 ราย โดยฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 รุนแรงที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย แต่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงจากจุดสูงสุดแล้ว และอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 64)
Tags: คาร์ล เคนดริก ชัว, ฟิลิปปินส์, เศรษฐกิจฟิลิปปินส์, โควิด-19