บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย Sideway ออกข้าง ปัจจัยหนุนมาจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่แนะจับตาการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ให้กรอบดัชนี 1,500-1,550 จุด แนะลงทุนใน 4 หุ้นเด่นได้ประโยชน์น้ำมันแพง ได้แก่ PTTEP- PTT-BCP-ESSO
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนยังติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,500-1,550 จุด
ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-4 สิงหาคม 2566 พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 127,755.93 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 3,749.49 ล้านบาท จากความไม่มั่นใจในการลงทุนในสถานการณ์การเมือง ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 44,801.63 ล้านบาทและนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 86,703.80 ล้านบาท
ด้าน ธปท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดเหลือ 49.3 จาก 51.0 ในเดือนก่อน ตามความเชื่อมั่นในภาคการผลิตที่ลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบ ดัชนีใกล้เคียงระดับ 50 อย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงภาพรวมของการฟื้นตัวที่ยังไม่ชัดเจน และล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าดัชนีค่าครองชีพครัวเรือนไทยเดือนกรกฎาคม ขยับเพิ่มแตะ 36.0 หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว อานิสงส์ภาคท่องเที่ยวช่วยหนุน ผลสำรวจพบครัวเรือนไทยยังกังวลปัญหาค่าครองชีพสูงรวมถึงภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นหลังอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้น
ปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันที่ 10 ส.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข้อมูลสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม วันที่ 15 ส.ค. กำหนดวันสุดท้ายบจ.ส่งงบการเงินงวดไตรมาส 2/66 วันที่ 16 ส.ค. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยรายงานการประชุมของวันที่ 2 ส.ค. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องปมเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 หรือไม่ วันที่ 21 ส.ค. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/66 และวันที่ 23-25 ส.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัด Thailand Focus 2023 “The New Horizon”
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตา อาทิ วันนี้ (8 ส.ค.) จีน รายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ค. สหรัฐ รายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย. วันที่ 9 ส.ค. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมัน วันที่10 ส.ค. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. วันที่ 11 ส.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.
แนะกลยุทธ์การลงทุนใน 4 หุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ล่าสุดกระทรวงพลังงาน รายงานยอดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 6M66 (มกราคม-มิถุนายน 2566) อยู่ที่ 28,370 ล้านลิตร คิดเป็น 156.7 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2.7%YoY สะท้อนเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาไทยต่อเนื่อง โดยหุ้นพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำ และการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ PTTEP, PTT, BCP และ ESSO
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินภาพรวมทองคำสัปดาห์นี้ว่า ยังคงต้องจับตาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมของสหรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.8% อ่อนตัวลงต่อเนื่องจากครั้งก่อน อย่างไรก็ตามหากพิจารณาร่วมกับราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวขึ้นตั้งช่วงเดือนกรกฎาคมที่ระดับ 67 เหรียญต่อบาร์เรล สู่ 81 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับตัวขึ้น 21%MoM จะเป็นตัวหนุนอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม ดีดตัวกลับมาในกรอบ 2.8-3.0%
ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มราคาทองคำเคลื่อนไหวแบบ Sideway down สาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมคาดว่าจะอ่อนตัวสู่ 2.8% ทั้งนี้มองราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,915-1,960 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)
Tags: GBS, กลยุทธ์การลงทุน, วิลาสินี บุญมาสูงทรง, หุ้นไทย