นายหยู แบมบา หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบริษัทแบล็กร็อก (BlackRock) เตือนว่า การอ่อนค่าของเงินเยนอาจจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพากันหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในปีนี้ ซึ่งทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก แต่สำหรับนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียง 3% หลังเงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 9.5% และผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่เพิ่มขึ้น 11%
“การลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นจะยากมากขึ้น หากค่าเงินยังคงอ่อนค่า เมื่อคุณพูดคุยกับนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับญี่ปุ่น อัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนพิจารณา”
นายแบมบา กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลให้ผู้ส่งออกมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ดัชนีนิกเกอิปรับตัวลดลงกว่า 6% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลว่าเงินเยนที่อ่อนค่าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่น และเพิ่มต้นทุนการนำเข้าสำหรับบริษัทต่าง ๆ
นายแบมบาเสริมว่า ทิศทางในอนาคตของเงินเยนขึ้นจะอยู่กับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากกว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเงินเยนมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 170 เยนต่อดอลลาร์ หากเฟดไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นายแบมบาคาดการณ์ว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.หรือเดือนต.ค. และคาดว่า BOJ จะลดจำนวนการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 67)
Tags: BlackRock, ค่าเงินเยน, ตลาดหุ้นญี่ปุ่น, เงินเยน