นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก แต่อาการไม่รุนแรง ทำให้คลายกังวลไปบ้างแม้สายพันธุ์นี้จะแพร่เร็ว แต่อาการอ่อนกว่าสายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีหลังราคาน้ำมันพุ่งแรง แต่บรรยากาศคงจะเป็นชะลอลงทุน หลังคาบเกี่ยววันหยุดต่อเนื่อง ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้รีบาวด์เล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,580 แนวต้าน 1,600-1,605 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ แม้จะไทยจะพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก แต่เท่าที่ติดตามข่าวทั่วโลกมาปรากฏว่าอาการไม่ได้รุนแรง ทำให้ผ่อนคลายความกังวลไปได้บ้าง แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะมีการแพร่กระจายได้เร็ว แต่อาการอ่อนกว่าสายพันธุ์เดลตา
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันก็พุ่งแรงเกือบ 5% ทำให้น่าจะไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีได้ อย่างไรก็ดี บรรยากาศอาจเป็นลักษณะชะลอการลงทุน เนื่องจากสัปดาห์นี้คาบเกี่ยวกับวันหยุดต่อเนื่อง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้รีบาวด์ราว 0.2-0.3% หลังวานนี้ปรับตัวลงไปมาก พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อย่างตัวเลขการค้า และตัวเลขเงินเฟ้อ เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,605 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,227.03 จุด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด (+1.87%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,591.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด (+1.17%)และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุด เพิ่มขึ้น 139.68 จุด (+0.93%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 211.45 จุด หรือ +0.76%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 355.13 จุด หรือ +1.52% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 21.91 จุด หรือ +0.61%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ธ.ค.)1,588.19 จุด ลดลง 3.65 จุด (-0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 354.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 69.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.23 ดอลลาร์ หรือ 4.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ธ.ค.) อยู่ที่ 4.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.82 ตลาดเปิดรับความเสี่ยง คลายกังวลโอไมครอนไม่รุนแรง
- “ศักดิ์สยาม” ย้ำประมูลรถไฟฟ้า “สายสีส้ม” วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ต้องยึดมติ ครม. ที่เห็นชอบผลการศึกษาใช้เกณฑ์ราคาตัดสิน ด้านกรรมการมาตรา 36 รอความเห็นผู้สังเกตการณ์ ก่อนเคาะ TOR เร่งประมูลเหมือนสายสีม่วง
- กนอ.เร่งเครื่องดันนิคมฯ อุดรฯ เป็นฮับโลจิสติกส์ กระจายสินค้าอีสาน-อาเซียน-จีน เน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ลดคาร์บอน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ฐานะการเงินของไทยยังคงแข็งแกร่ง โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยข้อมูลทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุด เมื่อ ต.ค.64 พบว่าอยู่ที่ 2.46 แสนดอลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.17 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลกและถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง หรือ 3 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น และยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ 1.2% ตามคาดการณ์ และเพิ่มเป็น 3.5-4.5% ในปี 65 ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงอยู่และปรับตัวดีขึ้น
- นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ให้ความเห็นชอบแผนการประชุมคณะกรรมการ ร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี กับประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ประจำปี 2565 แล้ว และได้มอบให้กรมเตรียม เป็นเจ้าภาพจัดประชุม JTC กับคู่ค้าสำคัญ กว่า 10 ประเทศ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และรูปแบบปกติ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนการค้า การแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้า และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
- ชายไทย สัญชาติอเมริกันติดเชื้อโอมิครอน เข้าไทยรายแรก สธ.เผยไทม์ไลน์เดินทางจากสเปนเข้าไทยแบบ “เทสต์แอนด์โก” พบอาการไม่รุนแรง “นายกฯ” มั่นใจสาธารณสุขไทยมีศักยภาพพอรับมือ ยังไม่ปรับนโยบายหลังไทยประกาศเปิดประเทศมาแล้วกว่า 1 เดือน สธ.สั่งศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ภาคใต้สุ่มตรวจ “โอมิครอน” เพิ่มหวั่นเชื้อจากชายแดนติดมาเลเซีย ชี้ “โอมิครอน” อาการไม่รุนแรง แต่แพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา 2-5 เท่า
หุ้นเด่นวันนี้
- DOD-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 205,000,244 หน้วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 18.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (1 ธันวาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.10 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 พ.ค. 2565วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 พ.ย. 2566
- PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 150 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรงกับ PTTEP เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/64 คาดสูงขึ้น qoq และ yoy ตามราคาขายที่เพิ่มขึ้นและไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มี Hedging loss เหมือน Q2/64 และ Q3/64
- CRC (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36 บาท คาดยอดขายในประเทศนับตั้งแต่ Q4/64 ฟื้นตัว กำลังซื้อกลับมาหลังเปิดเมือง, การเพิ่มสัดส่วนใน Grab จะเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางการขาย พร้อมปรับตัวสู่โลก Block chain พัฒนา Digital Token C-Coin ทดลองใช้ในกลุ่มพนักงาน 8 หมื่นราย คาดปี 65 พร้อมให้ลูกค้าใช้งาน ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ขาดทุนที่ 1.46 พันลบ. ส่วนปี 2565 พลิกเป็นกำไรที่ 3.9 พันลบ. ตามลำดับ
- NSL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 23 บาท แนวโน้ม Q4/64 จะฟื้นแรงตามสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายและทำให้ลูกค้าเข้า 7-11 มากขึ้น รวมถึงปัญหา Supply Chain ที่หมดไป ทำให้ทั้งรายได้และ Margin ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ พร้อมคาดกำไรปี 2564 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y โดยระยะถัดไปคาดจะเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน โดยให้แนวรับ 19-18.50 บาท แนวต้าน 20-20.40 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 64)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล