แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งซิกแซกขึ้นคล้ายภูมิภาค คลายกังวลโควิดโอมิครอน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งซิกแซกขึ้นคล้ายตลาดภูมิภาคที่เช้านี้แกว่งบวกเล็กน้อยรายว 0.3% คลายกังวลเชื้อโควิดโอมิครอน หลัง FDA ของสหรัฐฯอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค ใช้เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มบูสเตอร์มีประสิทธิภาพป้องกันโควิดโอมิครอนได้ อย่างไรก็ดี ระวังการแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังตลาดขึ้นไป 3 วันซ้อน-ตลาดต่างประเทศก็จะหยุดยาวด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,635-1,630 แนวต้าน 1,650-1,655 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งซิกแซกขึ้นได้ คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกได้เล็กน้อยราว 0.3% จากคลายกังวลบ้างจากเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งนับเป็นยาตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐ หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า วัคซีนเข็มบูสเตอร์ของบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ อีกทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ยังแข็งแกร่งอยู่

อย่างไรก็ดี จะต้องระวังการแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไป 3 วันติดต่อกันแล้ว และตลาดหุ้นต่างประเทศก็จะปิดทำการระยะยาวด้วย โดยสัปดาห์หน้าให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีน, ตัวเลขเศรษฐกินของไทย และการทำ Window Dressing ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,635-1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,655 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,950.56 จุด เพิ่มขึ้น 196.67 จุด (+0.55%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,725.79 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด (+0.62%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,653.37 จุด เพิ่มขึ้น 131.48 จุด (+0.85%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 37.68 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 182.35 จุด หรือ +0.79% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.05 จุด หรือ +0.06%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ธ.ค.) 1,641.47 จุด เพิ่มขึ้น 14.68 จุด (+0.90%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,584.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 73.79 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.4%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ธ.ค.) อยู่ที่ 6.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.55 แข็งค่าเล็กน้อย หลังนลท.คลายกังวลโควิด-กลับมาเปิดรับความเสี่ยง

– “สุพัฒนพงษ์” เตรียมชง ครม.เคาะมาตรการหนุนอีวีสัปดาห์หน้า มั่นใจบูมตลาดแน่ เริ่มใช้ต้นปี 65 ตั้งงบ 4 หมื่นล้าน ใน 4 ปี อุดหนุนราคาคันละ 1.5 แสน ให้รถราคาไม่เกิน 2 ล้าน บวกลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% แถมลดภาษีนำเข้า บีบราคาให้เท่ารถสันดาป พร้อมหนุนลงทุนตั้งจุดชาร์จ “คณิศ” มั่นใจหนุนค่ายรถ เร่งผลิตอีวี ส.อ.ท.ชี้หนุนเฉพาะรถนำเข้า แนะเพิ่มส่งเสริมผู้ผลิตในไทย

– น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าได้ประเมินทิศทางธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 65 พบว่ายังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ที่ยืดเยื้อของโควิด-19 คาดว่ายังกระทบกับกำไรของธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ในปี 65 อาจทำกำไรได้เพียง 1.86 แสนล้านบาท แม้จะเพิ่มขึ้น 5% จากกำไรสุทธิของปี 64 ที่คาดไว้ที่ 1.78 แสนล้านบาท แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับกำไรสุทธิเฉลี่ยช่วงก่อนโควิดที่ทำได้สูงกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี

– รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ปี 65 กระทรวงพลังงาน เตรียมเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจ เช่น การขับเคลื่อนการลงทุนโครงการประกอบกิจการปิโตรเลียม คาดว่า สร้างรายได้ให้ประเทศมูลค่ากว่า 44,300 ล้านบาท, ส่งเสริมการลงทุนปิโตรเคมี ระยะ 4 ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เพื่อให้เกิดเงินลงทุน 5 ปี (ปี 65-69) 2-3 แสนล้านบาท, ส่งเสริมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือมูลค่ากว่า 143,000 ล้านบาท, ส่งเสริมการลงทุนพลังงานสถานีอัดบรรจุไฟฟ้า หรืออีวี ชาร์จจิ้ง สเตชั่น และยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี แพ็กเกจส่งเสริมการใช้และลงทุน จะนำเสนอ ครม. ได้ในต้นปี 65

– นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.2564 มี ผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,642 ราย เทียบกับเดือน ต.ค.2564 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับ พ.ย.2563 เพิ่มขึ้น 26% มีทุนจดทะเบียน 16,983.40 ล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

– NV (บมจ.โนวา ออร์แกนิค) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ราคาขาย IPO ที่ 6.90 บาท/หุ้น บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิปี 64 จะหดตัว -88% YoY อยู่ที่ 95 ล้านบาท และปี 65 +101% YoY อยู่ที่ 190 ล้านบาท จากรายได้รวมขยายตัวจากรายได้ถังเช่าฟื้นตัว, GPM ขยายตัวจากสัดส่วนรายได้ Livnest ที่เพิ่ม และ SG&A to total sales ลดลงจากแนวโน้มค่าโฆษณาที่ลดลง YoY ทั้งนี้ ประเมินราคาเหมาะสมปี 65 ของ NV ที่ 7.70 บาท อิง 2565 PER ที่ 24.00x โดยมองว่า NV ควรที่จะ discount valuation จาก Peer ที่เทรดที่ 2565 PER ที่ 26.6x เนื่องจาก Market Share ต่ำกว่า peer, ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์น้อยกว่า peer และประเมินว่ารายได้หลักของบริษัทในปี 65-66 จะมาจากถังเช่า ซึ่งมีความผันผวน และอยู่ระหว่างรอแผนในการทำตลาดถังเช่า โดย NV เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทย โดยมีรายได้อยู่อันดับที่ 3 ของผู้ประกอบการอาหารเสริมในไทย และมีแผนที่จะทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

– HFT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 8.50 บาท Theme EV เด่น นักลงทุนเริ่ม Rotate มาเล่นหุ้น EV แถว 2, ด้าน HFT พร้อมรุกล้อรถ E-Bike คาดปี 65 Order เข้าเพียบ แนวโน้มกำไรปี 22 โต YoY จากมาร์จิ้นการขายเฉลี่ยที่ดีขึ้น ตามการปรับ Product mix และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2564-2565 ที่ 468 ลบ. และ 546 ลบ. +13%YoY, +17%YoY ตามลำดับ

– KBANK (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 166 บาท เทรนด์ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นตามเงินเฟ้อ สินเชื่อเติบโตดีสุดของกลุ่ม สถานการณ์โควิด-19 เริ่มผ่อนคลายเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจ SME และเป็นบวกต่อ KBANK เพราะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจ SME มากที่สุดของกลุ่มเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,