แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์-อิงบวก เล็งรับแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันขึ้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงบวก ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นหลังผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. 2565 และตลาดสหรัฐฯก็ปรับขึ้นคลายกังวลผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาการไม่รุนแรง ดังนั้นอาจมีแรงเก็งกำไรแต่ไม่น่ารุนแรง ดัชนีฯคงจะแกว่งบวก-ลบไม่มาก เนื่องจากจะหยุดยาวในสัปดาห์นี้ จับตาประชุมศบศ.วันนี้ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,580 แนวต้าน 1,600-1,605 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ ให้น้ำหนักทางบวก ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หลังผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. 2565 และตลาดสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นหลังคลายกังวลผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกที่อาการไม่หนัก แต่เชื้อตัวนี้ก็ยังมีข้อมูลน้อยจึงยังต้องติดตามต่อไป

ทั้งนี้ นักลงทุนก็คงจะเข้ามาเล่นเก็งกำไรแต่ไม่น่าจะรุนแรง ดัชนีฯคงจะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก เนื่องจากจะหยุดระยะยาวในสัปดาห์นี้ พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)วันนี้ มีประเด็นมาตรการเยียวยาคนกลางคืน และการเลื่อนเปิดสถานบันเทิงออกไปอีก 1 เดือน รวมถึงอาจมีการปรับการควบคุมการแพร่ระบาดหลังจากที่มีเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,605 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,639.79 จุด เพิ่มขึ้น 617.75 จุด (+1.82%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,577.10 จุด เพิ่มขึ้น 64.06 จุด (+1.42%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,381.32 จุด เพิ่มขึ้น 127.27 จุด (+ 0.83%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.68 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.61 จุด หรือ +0.07% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 113.67 จุด หรือ -0.48%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ธ.ค.)1,591.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด (+0.06%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,633.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 66.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ธ.ค.) อยู่ที่ 4.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.95 อ่อนค่าต่อเนื่องจากวานนี้ หลังตัวเลขศก.สหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า
  • รัฐบาลเร่งเดินเครื่องยุทธศาสตร์ 5จีเคลื่อนประเทศ “ประวิตร” ลั่น 5จีดันมูลค่าจีดีพีไทยเพิ่ม 5.5 เท่าภายในปี 78 “ชัยวุฒิ” มั่นใจปี 70 ความต้องการใช้งาน 5จี สูง คาดคนไทยใช้ 5จี ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านราย จ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 1.3 แสนตำแหน่ง “กสทช.” ชี้ 5 จีสร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจไทย 4.8 แสนล้าน ปี 65 ขยายจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 3.6 แสนล้าน พร้อมเร่งวางกลยุทธ์กำกับดูแลเชิงรุกทุกมิติ
  • “ศักดิ์สยาม” สั่งเร่งออกแบบรถไฟไทย-จีน ระยะ 2 โคราช-หนองคาย พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ คาดเสนอ ครม.ปีหน้า หวังเปิดให้บริการปี 70 ขณะที่รถไฟทางคู่ “ขอนแก่น-หนองคาย” เตรียมประมูลก่อสร้างในไตรมาส 2/65
  • คลังยันพร้อมเต็มสูบรับมือ “โอไมครอน” แจงมีงบรออีก 1 ล้านล้านบาท อัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจ “อาคม” ยันปีหน้าจีดีพีโตแน่ 4% วอนเอกชนใจเย็นหลังเรียกร้องฟื้นช้อปดีมีคืน
  • สธ.ชี้ 782 กลุ่มเสี่ยง “โอมิครอน” ในไทยเสี่ยงต่ำ นายกฯ ลั่นยังไม่ปิดประเทศ ยันเฝ้าระวังเข้ม ขออภัยเลื่อนเปิดผับ-บาร์ เร่งถกเยียวยาผู้ประกอบการ “สาธิต” รับภูมิคุ้มกันหมู่อาจไม่ช่วย ต้องเร่งฉีดวัคซีนกันเจ็บ-ตาย “สุชาติ” แง้มจ่าย “คนกลางคืน-อาชีพอิสระ” ไม่ต่ำหัวละ 5 พัน ผู้ประกันตน ม.33 อาจได้ 2 เด้ง

หุ้นเด่นวันนี้

  • HL (บมจ.เฮลท์ลีด) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO 9.80 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)ประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 15 บาท คาดกำไรสุทธิปี 64-66 จะเติบโตสูงถึง +36% CAGR โดย HL เป็น Chain ร้านขายยาบริษัทแรกในตลาดฯ ปัจจุบันมีเพียง 25 สาขาทำให้ยังเติบโตได้อีกมาก และยากสำหรับการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่เพราะมีกฎระเบียบเข้มงวดในทุกการดำเนินงาน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย จุดแข็งคือเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและไม่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ทำให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพ
  • AMATA (กรุงศรี)”ซื้อ” เป้า 23.50 บาท เกาะกระแส Stagflation หรือเงินเฟ้อสูง ที่ดินเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากธีมการย้ายฐานการผลิตหลังจีนเผชิญปัญหาวิกฤติพลังงานและความเสี่ยงจาก Trade war
  • AOT (เคทีบีเอสที)เป้าเชิงกลยุทธ์ 62-64 บาท ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับฐานจาก “โอไมครอน” ตลอดสัปดาห์ ด้านกำไรประเมิน Turnaround ที่ 6.2 พันลบ. ในปี 66 ส่วนผู้บริหารประเมินผู้โดยสารปี 65 ที่ 62 ล้านราย ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่จะมีผลต่อการเดินทางสูง คาดว่าบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนสามารถเร่งทำได้เร็ว พร้อมเตรียมโอนสนามบินใหม่ 3 แห่ง ประกอบไปด้วย สนามบินอุดร และสนามบินบุรีรัมย์ 2 แห่ง หลังโควิดซา สนามบินเหล่านี้จะกลายเป็น Hub ในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,