แคนาดาประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวสหรัฐเดินทางข้ามพรมแดนเข้าประเทศแล้วเมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการปูทางกลับสู่ภาวะปกติหลังจากที่ได้ออกคำสั่งห้ามการเดินทางเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ฝั่งของสหรัฐจะยังคงรักษาข้อจำกัดดังกล่าวกับชาวแคนาดาไว้เหมือนเดิม
คำสั่งล่าสุดได้อนุญาตให้พลเมืองสหรัฐและผู้อยู่อาศัยตามกฎหมายต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในสามวัน เพื่อข้ามพรมแดนไปยังแคนาดา และผู้เดินทางจะต้องกรอกใบสมัครโดยละเอียดบนแอปพลิเคชัน arriveCAN ก่อนเดินทางเข้าสู่แคนาดา
ภายหลังการประกาศดังกล่าว มีรายงานว่าในช่วงบ่ายมีการจราจรที่หนาแน่นบริเวณสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ซึ่งเป็นสะพานระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อน้ำตกไนแอการาในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ กับน้ำตกไนแอการาในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา
ทั้งนี้ สหรัฐและแคนาดาได้ปิดพรมแดนเพื่อห้ามการเดินทางที่ไม่มีกิจธุระจำเป็นตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ด้านสหรัฐระบุว่า ทางการจะขยายการปิดพรมแดนสำหรับชาวแคนาดาทุกคนที่เดินทางโดยไม่มีกิจธุระจำเป็นไปจนถึงวันที่ 21 ส.ค.เป็นอย่างน้อย ซึ่งมีผลกับชายแดนเม็กซิโกด้วย แต่ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนกำลังเริ่มวางแผนสำหรับการเปิดพรมแดนใหม่ โดยมีข้อกำหนดหลักคือผู้มาเยือนจากต่างประเทศเกือบทั้งหมดจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: lifestyle, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, สหรัฐ, เปิดพรมแดน, แคนาดา