นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้นัดพรรคเพื่อไทยหารือแนวทางการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 ที่คาดว่าจะมีในสัปดาห์หน้า เวลา 17.00 น. ซึ่งคงจะเอาทุกความเห็นที่เกิดขึ้นไปสอบถามกับพรรคก้าวไกล และหลังจากคุยกัน 2 พรรคแล้วก็ต้องไปแจ้งให้ 8 พรรครับทราบด้วย
ส่วนข้อเสนอให้พรรคก้าวไกลลดเพดานเรื่องการแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อให้ได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้คงพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ เพราะมีการสอบถามในรัฐสภาหลายครั้งถึงเรื่องดังกล่าวและ พรรคก้าวไกลก็ไม่มีการแสดงความคิดเห็นอย่างไร คงเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องคิดเอง การพูดคุยกันวันนี้คงมีหลายประเด็น เพราะการอภิปรายในรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 เรื่องหลักคือเรื่องแก้มาตรา 112 ทางก้าวไกลคงรู้โจทย์แล้ว
ส่วนกระแสข่าวการโหวตรอบ 2 จะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแข่งนั้น เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมต้องนำมาประเมินร่วมกัน ขณะนี้ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวในการรวบรวมเสียง เรื่องนี้เราประมาทไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นที่สามารถเกิดขึ้นได้และจะต้องมีการพูดคุยกัน
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะตอบว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ของ 8 พรรคร่วมจะเป็นชื่อนายพิธา คนเดียวหรือไม่ โดยขอให้ได้ข้อสรุปในการหารือวันนี้ก่อน พร้อมย้ำว่าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีแผนสอง วันนี้จะคุยกันว่าจะเอาอย่างไรต่อ ซึ่งคงจะเอาทุกความเห็นที่เกิดขึ้นไปสอบถามกับทางพรรคก้าวไกล
“ขอให้ได้มีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลก่อนว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะให้ความเห็น” นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนเสียงสนับสนุนนายพิธา จาก ส.ว. 13 เสียงนั้น หากมีการโหวตรอบที่ 2 น่าจะยังอยู่เช่นเดิม คนที่โหวตสนับสนุนนายพิธา คงตั้งใจมาแล้วและมีเจตนามองการเมืองอีกมุมหนึ่ง ส่วนการช่วยขอเสียงเพิ่มเติมจาก ส.ว.นั้น คิดว่าทางก้าวไกลพยายามทำเต็มที่แล้ว ฉะนั้นขอคุยกับก้าวไกลก่อนว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร หากจะโหวตอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค.66 จะไม่มีอะไรที่เป็นข้อมูลใหม่หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติม ผลโหวตน่าจะเป็นลักษณะใกล้เคียงกับเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก
ส่วนการสนับสนุนนายพิธา ให้ถึงที่สุดตามที่ระบุไว้ในเอ็มโอยูนั้น นายประเสริฐ ย้อนถามว่า “ถึงที่สุด นี่ขนาดไหน” และยอมรับว่า เหนื่อยกับสถานการณ์ทางการเมือง เพราะกำแพงที้าวไกลต้องก้าวข้ามไปให้ได้คือ เรื่องแก้มาตรา 112 ซึ่ง ส.ว.หรือพรรคขั้วเก่าก็พูดประเด็นนี้ไปในเป็นทางเดียวกัน เป็นเรื่องที่ก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน
นายประเสริฐ กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เตรียมยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา ( ส.ว.) ในการโหวตเลือกนายกฯ ว่า พท.เคยยื่นเรื่องแก้ไขมาตรา 272 ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา การที่ก้าวไกลเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเข้าใจว่าคงต้องการทลายกำแพง เพราะทาง ส.วได้ตั้งกำแพงเรื่องการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งหากสามารถแก้ไขได้จะเป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ต้องใช้เสียงรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และในกึ่งหนึ่งนั้นต้องมีเสียงของ ส.ว.จำนวน 84 เสียง
“ที่ผ่านมาเราเคยทำมาแล้ว มันไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของ ส.ว.เพียงพอ ครั้งนี้เข้าใจว่า ส.ว.จะตั้งกำแพงในเรื่องนี้ไว้สูง การแก้ไขคงไม่ได้ง่ายนักตามที่คิดไว้” นายประเสริฐ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 66)
Tags: การเมือง, ประเสริฐ จันทรรวงทอง, พรรคก้าวไกล, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคเพื่อไทย, ม.112