เอาจริง! ขุดรากถอนโคนขบวนการหมูเถื่อน รับมีนักการเมือง-ขรก.-นายทุนเอี่ยว

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ แถลงความคืบหน้าการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมวิชาการเกษตร คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) โดยระบุว่า มีการออกหมายจับและหมายค้นกลุ่มผู้กระทำความผิดไปแล้ว รวมถึงมีผู้ต้องหาเข้ามอบตัวได้ซัดทอดไปถึงกลุ่มนักการเมืองใหญ่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อย่อรัฐมนตรี

พร้อมสั่งให้ set zero ห้องเย็นทั้งหมด โดยต้องมาขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ รวมไปถึงห้องเย็นรถบรรทุกด้วย หากไม่มาขึ้นทะเบียนจะดำเนินการทางกฎหมายทันที ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบนำเข้า หรือหลบหลีก เป็นอำนาจของ ป.ป.ง.ในการดำเนินการ ถือเป็นความผิดมูลฐาน

“ขณะนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเข้ามาดูแลโดยตรง ได้ทำการยึดทรัพย์แล้ว 53 ล้านบาท 8 คน 6 บริษัท ป.ป.ง.จะดำเนินการทางแพ่ง เพื่อคุ้มครองอาหารและสินค้าทางการเกษตร” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ส่วนการทำลายของกลางมีประเด็นทางสังคมที่ถูกร้องเรียนว่าจะเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อโรคหรือไม่ เมื่อผู้อยู่เบื้องหลังรู้ว่าจะทำลายสินค้าเถื่อนก็จะมีกระบวนการที่ทำให้ไม่สามารถทำลายได้ แต่ที่ผ่านมาได้มีการทำลายไปบางส่วนแล้ว ซึ่งจะดำเนินการทำลายและถ่ายคลิปเพื่อเป็นหลักฐานไว้

ขณะที่นายสมควร รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบห้องเย็นตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.66 แล้วจำนวน 2,210 แห่ง ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามี 1,100 ห้องเย็นขนาดเล็กที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานใด โดยบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.นำเข้าเพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ รวมซากโคกระบือ ซากหมู รวม 2,568,322 กิโลกรัม อยู่ในพื้นที่ 35 จังหวัด รวม 92 คดี

ด้านนายบัญชา รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่าผลจากการดำเนินการตามนโยบายฯ อย่างเคร่งครัด ร่วมบูรณาการในการตรวจสอบตั้งชื่อชุดฉลามขาว และให้ประมงจังหวัดปูพรมร่วมกับปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตรวจสอบห้องเย็นจำนวน 2,062 แห่ง ส่วนการนำเข้าสัตว์น้ำ กรมประมงเร่งรัดดำเนินการ เพื่อประสานนำข้อมูลกับ DSI กรณีพบหลักฐานว่าเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์ชนิดอื่น กรมประมงจะเร่งรัดดำเนินการต่อไป

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตามที่กรมศุลกากรส่งของกลางหมูเถื่อน 161 ตู้ให้เป็นคดีพิเศษ โดยพบมีพยานหลักฐาน ที่น่าเชื่อว่ามีกลุ่มขบวนการ ส่งผลกระทบด้านความมั่นคงทางอาหารและกระทบต่ออาชีพเกษตรกร มีกลุ่มนายทุน กลุ่มข้าราชการประจำและกลุ่มข้าราชการฝ่ายการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงส่งสำนวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว

ทั้งนี้ พบการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรหมูและเนื้อเถื่อนตั้งแต่ปี 2564-2566 มีจำนวน 2,385 ตู้ พบเป็นขบวนการ โดยกลุ่มที่ 2 มีผู้ต้องหา 1 รายเข้ามอบตัวแล้วเมื่อเช้าวันนี้ ยืนยันเร่งดำเนินการ สืบสวนเพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยไม่กังวลว่าจะเกี่ยวข้องกับใครบุคคลใดหรือระดับใด จะเป็นผู้มาอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ ก็ตาม ซึ่งมีการดำเนินการยึดทรัพย์ร่วมกับ ป.ป.ง.ควบคู่ไปด้วย ย้ำว่าไม่ละเว้น สัปดาห์หน้าจะเห็นความคืบหน้าตัวละครที่จะเปิดออกมาเพิ่มขึ้น

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า มีอดีตข้าราชการการเมืองมาเกี่ยวข้อง ซึ่งสรุปสำนวนไว้ทั้งหมดแล้ว โดยไม่ขอก้าวล่วงอำนาจของ ป.ป.ช.ว่าความคืบหน้าและสรุปคดีจะอยู่ในกรอบเวลาเท่าใด แต่ในส่วนของดีเอสไอจะเร่งดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด เบื้องต้นพบข้าราชการและนักการเมืองมีจำนวนพอสมควร แบ่งเป็นข้าราชการประจำหลัก 10 คน ส่วนนักการเมืองระดับสูงไม่ถึง 10 คน รวมถึงเอกชนรายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมระบุว่า ต้นปีหน้าเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลาย จะสามารถเปิดเผยต้นตอตัวการใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,