ฝ่ายสนับสนุนนโยบายของสำนักเลขาธิการความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มเอเปกมีแนวโน้มจะเติบโตชะลอตัวลงในปีหน้าและยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่จีนกำลังดิ้นรนฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทำให้การค้าซบเซาลง
ทั้งนี้ เอเปกเปิดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจในวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเปกจะเติบโตลดลงสู่ 2.8% ในปี 2567 จากการเติบโตระดับ 3.3% ในปี 2566
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มประเทศเอเปกจะขยายตัวเฉลี่ยที่ 2.9% ในปี 2568 และ 2569 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 3.2% และ 3.5%-3.6% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงเชิงลบที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประกอบด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เกี่ยวข้องกับมาตรการจำกัดด้านการส่งออก สภาพอากาศที่ทำให้ราคาข้าวและสินค้าเกษตรอื่น ๆ สูงขึ้น แลภาวะติดขัดในห่วงโซ่อุปทานปุ๋ย นอกจากนี้ การควบคุมอัตราเงินเฟ้ออาจต้องอาศัยนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลงไปอีก
อย่างไรก็ดี การเติบโตของปริมาณการซื้อขายสินค้าในกลุ่มประเทศเอเปกมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า หลังทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ในปี 2566 เนื่องจากถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตแบบอ่อนแอ โดยการส่งออกสินค้าน่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% และการนำเข้าสินค้าน่าจะเพิ่มขึ้น 3.5% แต่การเติบโตของทั้งการส่งออกและการนำเข้าคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดที่ 4.4% ในปี 2568 ก่อนจะลดลงเล็กน้อยในปี 2569 เนื่องจากการแตกแยกทางภูมิศาสตร์การเมืองส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านอุปทานที่มีมาอย่างยาวนาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)
Tags: จีน, ประชุมเอเปก, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก, เอเปก