ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจอินโดนีเซียว่า อินโดนีเซียควรใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป พร้อมรักษาความยืดหยุ่นของค่าเงินรูเปียห์ไว้ท่ามกลางแรงกดดันภายนอก
รายงานดังกล่าวเผยแพร่ออกมาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะเริ่มคุมเข้มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งท่าทีของเฟดในลักษณะนี้ ได้ส่งผลให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากสหรัฐ และส่งแรงกดดันต่อสกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย
ธนาคารโลกระบุในรายงานว่า อินโดนีเซียอาจต้องเผชิญกับการตอบโต้เชิงนโยบายที่รับมือได้ยากในอนาคต โดยธนาคารโลกอธิบายถึงแรงต้านทานที่เกิดขึ้นจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ พร้อมกับเสริมว่า เมื่อพิจารณาถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว อินโดนีเซียควรจะใช้นโยบายผ่านคลายทางการเงินและรักษาความยืดหยุ่นของค่าเงินรูเปียห์ไว้
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังย้ำเตือนว่า การคุมเข้มนโยบายทางการเงินเร็วกว่าที่ควร อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น และอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าลงหากมีปัจจัยภายนอกที่บีบบังคับให้อินโดนีเซียต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ล่าสุดธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศว่า มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ในวันนี้ พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ ขณะที่ธนาคารกลางบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 64)
Tags: ธนาคารโลก, รูเปียห์, อินโดนีเซีย, เศรษฐกิจอินโดนีเซีย