ธนาคารโลกออกรายงานเตือนว่า สงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งสร้างความเสียหายต่อระบบการค้า การผลิต และการอุปโภคบริโภคทั่วโลก
ธนาคารโลกเปิดเผยรายงาน “แนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Markets Outlook)” โดยระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกอาหารซึ่งผลิตโดยรัสเซียและยูเครนนั้น ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาปุ๋ยซึ่งจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต พุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นกว่า 50% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 และ 2567 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และเพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2564 และคาดว่าราคาจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 92 ดอลลาร์ในปี 2566 แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ราคายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนราคาสินค้านอกกลุ่มพลังงาน เช่น สินค้าโภคภัณฑ์และโลหะ คาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปี 2565 และจะลดลงในปีต่อ ๆ ไปหลังจากนั้น
ธนาคารโลกยังคาดการณ์ด้วยว่า ราคาข้าวสาลีจะทะยานขึ้นกว่า 40% และแตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และคาดว่าราคาโลหะจะปรับตัวขึ้น 16% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 แต่ก็จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
นอกจากนี้ ธนาคารโลกระบุว่า ในกรณีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ หรือมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็จะพุ่งขึ้นอีก และจะมีความผันผวนมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในปัจจุบัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 65)
Tags: ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์, ธนาคารโลก, ยูเครน, รัสเซีย, ราคาอาหาร