นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สรท.) กล่าวถึงนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยว่า การที่เลขาธิการคณะกรรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าการหาเสียงใช้เงินงบประมาณสามารถทำได้ ไม่เข้าข่ายเป็นการสัญญาว่าจะให้ ยิ่งจะทำให้ทุกพรรคเสนอนโยบายโดยเอาตัวเลขมาเกทับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณยิ่งขึ้น ซึ่งการตีความนโยบายดังกล่าว เลขาธิการ กกต.ไม่มีสิทธิมาพูดก่อนล่วงหน้า ควรเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องพิจารณา
โดย กกต.ควรเร่งวินิจฉัยกรณีนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ เพราะหากวินิจฉัยล่าช้า กกต.จะถูกประชาชนมองว่าวางตัวไม่เป็นกลาง เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับ กกต.ชุดที่ 2 ที่ศาลตัดสินจำคุกกรณีพรรคใหญ่เอื้อพรรคเล็ก เพราะวินิจฉัยให้พรรคใหญ่สนับสนุนพรรคเล็กส่งผู้สมัคร เพื่อแก้ปัญหาจำนวนการใช้สิทธิของประชาชน
อย่างไรก็ตาม กกต.เองก็มีข้อจำกัดเรื่องการวิเคราะห์ เพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจมหภาค ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่ กกต.จะประสานกระทรวงการคลัง หรือสำนักงบประมาณ ในการวิเคราะห์ว่านโยบายประชานิยมที่พรรคการเมืองนำเสนอทำได้จริงหรือไม่ รวมทั้งอยากให้ในการนำเสนอนโยบายหาเสียงของทุกพรรคการเมือง คำนึงถึงกฎเกณฑ์การตั้งงบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีและวินัยการเงินการคลัง
ส่วนพรรคการเมืองที่มีนโยบายใช้จ่ายเงินงบประมาณและต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 57 ที่กำหนดให้มีการชี้แจงที่มาของเงิน วงเงินที่จะใช้ และวิเคราะห์ความคุ้มค่าและความเสี่ยงของนโยบายดังกล่าวนั้น มาตรานี้ไม่ได้มีบทลงโทษที่รุนแรงจนทำให้พรรคการเมืองเกิดความเกรงกลัว พรรคการเมืองยังคงจะคิดว่าสามารถที่จะเขียนให้ครบตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 66)
Tags: กกต., การเมือง, คณะกรรมการการเลือกตั้ง, พรรคการเมือง, หาเสียงเลือกตั้ง, เลือกตั้ง