เลือกตั้ง’66: ปชป. ย้ำโค้งสุดท้าย 6 แนวทางแก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ทำได้จริง 90 วัน

ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงข่าววาระประเทศไทย ครั้งที่ 6 “มาตรการแก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ 90 วัน ทำได้จริง” โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบายและทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันหนี้ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชนทุกสาขา อาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าข้าราชกาครูมากกว่า 5 หมื่นราย กำลังถูกฟ้องร้องและเดือดร้อนจากปัญหาหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ ซึ่งเมื่อครูได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ ย่อมส่งผลต่อคุณภาพการสอนแน่นอน ดังนั้งจึงต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

โดยพรรคประชาธิปัตย์ ขอเสนอ 6 แนวทาง แก้หนี้ครัวเรือน ทำได้ใน 90 วัน ดังนี้

  • แนวทางที่ 1 กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบาย 1 ล้านล้านบาท เพื่อขยายโอกาสในการมีงานทำและมีรายได้ของครัวเรือน ปรับนโยบายดอกเบี้ย และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนสินค้า แต่รัฐยังไม่ได้ปรับปรุงเรื่องราคาพลังงานอย่างเพียงพอ
  • แนวทางที่ 2 ตั้งหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อจัดระเบียบไม่ให้ประชาชนถูกชักจูงให้ก่อหนี้ง่ายเกินไป รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ที่ถูกเอาเปรียบ เช่น ภาระดอกเบี้ยจากการคิดดอกเบี้ยทบต้น รวมไปถึงให้มีมาตรการให้ความรู้การเงิน
  • แนวทางที่ 3 แก้ความไม่เป็นธรรมในระบบหนี้ครัวเรือน โดยจะกำหนดมาตรการดูแลการคิดดอกเบี้ย ให้สอดคล้องกับความเสี่ยง ให้เป็นสวัสดิการอย่างแท้จริง ควรเหลือ 4% ปรับปรุงระเบียบการคลังว่าด้วยการหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้สวัสดิการให้มีความเหมาะสม
  • แนวทางที่ 4 ให้สามารถนำเงินออมออกไปใช้ได้ โดยไม่ต้องรอเกษียณหรือลาออก โดยจะปลดล็อคกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อนำมาใช้จ่ายซื้อบ้าน หรือลดภาระหนี้บ้าน
  • แนวทางที่ 5 เร่งกฎหมายไม่เป็นธรรม 2 ฉบับ ที่ค้างในสภาผู้แทนราษฎร คือ พ.ร.บ.ล้มละลาย ซึ่งจะเปิดทางให้ประชาชนสามารถขอฟื้นฟูหนี้ได้เช่นเดียวกับที่ธุรกิจใหญ่อย่างการบินไทย (THAI) ที่ขอฟื้นฟูหนี้ธุรกิจ สามารถปรับโครงสร้างหนี้ โดยพักหนี้ หรือ haircut รวมทั้งปรับลดภาระหนี้ได้ รวมถึง พ.ร.บ.เช็ค ซึ่งจะยกเลิกโทษอาญาที่ต้องจำคุกกรณีเช็คเด้งให้มีเฉพาะคดีทางแพ่ง
  • แนวทางที่ 6 แก้ไขพ.ร.บ.เช่าซื้อ ซึ่งทำให้ลูกหนี้เสียเปรียบ โดยจะปรับปรุงกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 572-574 ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.รถยนต์ 2551 และพ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ 2558 ที่ลูกหนี้เป็นเจ้าของ สามารถใช้เป็นหลักประกันได้

นายพิสิฐ เชื่อมั่นว่า มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนใน 90 วัน ทั้ง 6 แนวทางดังกล่าว จะสามารถลดหนี้ครัวเรือนจากระดับ 87% ให้เหลือน้อยกว่า 80% ของ GDP หรือลดลง 1 ล้านล้านบาทได้ โดยไม่สร้างหนี้สาธารณะแก้หนี้สิน โดยหากมีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเหลือ 4% จะช่วยผู้ถือบัตรเครดิตจำนวน 6 ล้านราย ลดภาระดอกเบี้ยจ่าย 30,000 ล้านบาทต่อปี

ส่วนผู้มีเงินเดือน หากปลดล็อคเงินใน กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้สามารถนำเงินของตนมาลดหนี้บ้าน หรือหักลบกลบหนี้กว่า 5 ล้านครัวเรือน จะลดหนี้ไป 900,000 ล้านบาท และจะช่วยเกษตรกรสูงอายุ (ที่อายุเกิน 65 ปี) จำนวน 300,000 ราย ปลดหนี้ 70,000 ล้านบาท

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากปัญหาหนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มฐานรากแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ คือ ภาระค่าไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซหุงต้ม โดยหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะดำเนินการลดรายจ่ายให้กับประชาชนใน 90 วัน ดังนี้

  1. ลดค่าไฟ 1.00-1.50 บาทต่อหน่วย โดยจะยกเลิกค่า FT ทั้งหมด ไม่ต้องแบกภาระที่ยังไม่เกิดขึ้น ปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าและค่าผ่านท่อให้เป็นธรรม กำหนดสัดส่วนการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชน แก้ปัญหากำลังการผลิตสำรองเกิน และทบทวนราคาสัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) และการนาเข้าจากต่างประเทศต้องประบปรุงแก้ไข
  2. ลดราคาน้ำมันลง 2-3 บาทต่อลิตร โดยจะกำกับค่าการกลั่น ค่าการตลาดให้เป็นธรรม ทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีให้สะท้อนต้นทุนจริง ทบทวนเงินเข้ากองทุน และทบทวนการกำหนดราคา Bio Diesel และ Gasohol ซึ่งทั้งหมดสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้กฎหมายอะไรเลย
  3. ลดราคาก๊าซหุงต้ม ลง 80-100 บาทต่อถัง (15 กก.) โดยจะดำเนินการตรวจสอบปริมาณการผลิต การนำเข้า และการใช้ในประเทศจริง ตรวจสอบต้นทุนและปริมาณที่ผลิตในประเทศ ทบทวนสูตรคำนวณราคาทุกกลุ่มผู้ใช้ แก้ปัญหาการลักลอบไปต่างประเทศ และยกเลิกสิทธิพิเศษกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 3 มาตรการ ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำได้ทันทีเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คือ 1.ลดค่าใช้จ่าย 2. ลดภาระหนี้สินประชาชน และ 3.เพิ่มรายได้ โดยในส่วนของการเพิ่มรายได้ ภายใน 90 วัน เราสามารถหารายได้เพิ่มจากการค้าชายแดน และการรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่มีการค้าขายทั้งเข้า-ออก สามารถทำได้ดีขึ้น ซึ่งถ้ามีการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อบ้าน เช่น ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะทำให้การค้าชายแดนภาคใต้เติบโตขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น จะต้องรีบเจรจาหารือกับกลุ่มบริษัททัวร์เอเจนซี่ โดยเฉพาะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ มีจำนวนมาก และมาพักเป็นเวลานาน ให้กลุ่มบริษัททัวร์เอเจนซี่มีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในช่องไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วถึงไปสู่ฐานราก

รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย จะต้องจัดให้กลุ่มนี้มีพื้นที่ในการค้าขาย ยกระดับคุณภาพให้เป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวที่เข้ามา รวมไปถึงการปรับแก้เรื่องการเข้าเมือง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล สร้างงาน สร้างเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน

โดยเรื่องการค้าชายแดน หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล ภายใน 90 วันแรกที่จะดำเนินการ คือ การลดอุปสรรคในการค้าขาย เร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการค้าชายแดนให้เกิดความสะดวก ส่วนระยะกลาง 2 ปีแรก ต้องมีเครื่องมือใหม่ คือ การตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษค้าชายแดน ซึ่งไทยมีร่างกฎหมายอยู่แล้ว โดยจะให้สิทธิประโยชน์ มาตราการจูงใจทางภาษี

ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยว พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 50 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือ BCG Tourism จัดเป็นเขตเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 66)

Tags: , ,