นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ได้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ภายใต้กระแสที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นสัปดาห์สุดท้าย พรรคก้าวไกลจะจัดคาราวานไปหาพี่น้องประชาชนทั่วประเทศถึงที่ โดยเดินทางจาก 5 จุดทั่วไทยมาที่กรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อ “คาราวานก้าวไกล จากถนนทุกสาย มุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล”
โดยเริ่มจากภาคใต้ได้ใต้ล่างนำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคาราวานภาคตะวันออกไม่แพ้ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เช่นกัน ขณะที่คาราวานสายเลือดอีสาน นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และคาราวานสายมิตรภาพ นำโดย นายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และปิดท้ายที่สนามกีฬาเวช 1 เพื่อรวมพลังประชาชนทั้งประเทศ ส่งก้าวไกลสู่ทำเนียบรัฐบาล
“จะจัดปราศรัยหลัก และปราศรัยย่อยแบบดาวกระจาย เชิญชวนพี่น้องประชาชนตลอด 2 เส้นทาง ให้กาก้าวไกลทั้ง 2 ใบ เพื่อเปลี่ยนแปลง ในวันนี้พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าประชาชนที่มีความฝันเดียวกับเรา ประชาชนจะใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง ประชาชนจะเลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคต ไม่ใช่เลือกเพื่อกลับไปสู่อดีต”
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว
พร้อมแสดงความมั่นใจว่า ในช่วงเวลาที่เหลือก่อนถึงวันเลือกตั้งนั้น พรรคก้าวไกลจะมีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นได้อีก ช่องว่างคะแนนนิยมในโพลระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ห่างกันน้อยเหลือเพียง 1% และเชื่อว่า 10 วันสุดท้าย พรรคก้าวไกลจะมีคะแนนขยับขึ้นนำได้ เชื่อมั่นว่าฝ่ายค้านเดิมจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน โดยเป้าหมายตอนนี้เราต้องการเป็นฝ่ายเลือก และยืนยันว่าไม่ต้องการมีพรรค 2 ลุงอยู่แน่นอน
สำหรับผลโพลที่ออกมา เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และต้องขอบคุณประชาชนที่ตอบรับสิ่งที่พรรคพยายามสื่อสารและพูดคุยกับประชาชนอย่างหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่นำพาประเทศไปสู่ข้างหน้าและไปสู่อนาคต ไม่ใช่จำกัดอยู่กับความสำเร็จในอดีต
“10 วันสุดท้าย ผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศจะทำงานอย่างหนักให้ถึงที่สุด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้าย คือจำนวน ส.ส 160 ที่นั่ง เพื่อให้ก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่เราไม่เคยถึงมาก่อน ไม่ใช่แค่ในอดีตที่ผ่านมา คำตอบสุดท้ายวันนี้ของประเทศไทย จะดังพร้อมกันทั่วประเทศ ชัดเจน ตรงไปตรงมา ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่มีการพูดว่าพรรคก้าวไกล อาจชนะเลือกตั้ง แต่อาจแพ้จัดตั้งรัฐบาลนั้น เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สถานการณ์ในวันนี้ ต่างกับการเลือกตั้งปี 2562 หากดูแนวโน้มจากโพลต่างๆ ประกอบกับโพลของฝ่ายความมั่นคงล่าสุด และโพลพรรคการเมืองต่างๆ ออกมาสอดคล้องกันหมด และการเลือกตั้งรอบนี้กับปี 2562 แนวโน้มข้างชัดเจนว่าฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมไม่มีโอกาสที่จะได้ส.ส.รวมกันเกิน 180 ที่นั่ง ขณะที่ 2 พรรคหลัก คือพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่ชัดเจนมากว่าจะรวมกันถึง 300 เสียง ไม่ต้องกังวลว่าเสียงของพรรคหลัก 2พรรค ในฟากเสรีนิยมจะทำให้คนอันดับ 3 เข้ามาแทรกได้
“2 พรรคนี้รวมกัน จะไม่เกิดสถานการณ์ “ตาอยู่” แต่จะเป็นสถานการณ์ “เรือล่มในหนอง” และเสียง 2 ขั้วรวมกันไม่ใช่ปริ่มน้ำ แต่จะเป็น 300++ ดังนั้นจะมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล กรณีเสียงข้างน้อยจับขั้วรัฐบาล จึงเป็นไปได้ยากมาก” นายชัยธวัชกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคมีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ที่ไม่สอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลได้ยื่นค้างไว้ในสภาฯ หากสภาฯ เปิด พรรคก้าวไกลก็จะขอให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดเงื่อนไขในการดำเนินการเรื่องนี้ และคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันนั้น สิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากจะเห็นคือการทำข้อตกลงร้วมกันหรือ MOU ในประเด็นใหญ่ร่วมกัน เช่น การตั้ง สสร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, การปฏิรูปกองทัพด้วยการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร, สุราก้าวหน้า, สมรสเท่าเทียม และกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ค. 66)
Tags: ก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน, พรรคก้าวไกล, เลือกตั้ง