จอห์น เคลลี อดีตหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ โดยระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน มีพฤติกรรมตรงตามนิยามของผู้นำฟาสซิสต์ และ “ชอบบริหารประเทศแบบเผด็จการ”
ขณะที่เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ก่อนจะถึงการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. เคลลี ผู้ที่วิจารณ์ทรัมป์มาตลอดเปิดเผยกับนิวยอร์กไทมส์ว่า อดีตปธน.สหรัฐฯ รายนี้ไม่เข้าใจทั้งรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และหลักนิติธรรมเลย
เคลลีเปิดเผยในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) ว่า หากทรัมป์ได้กลับมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวอีกครั้ง เขาจะพยายามบริหารประเทศในแบบเผด็จการ เคลลียังเล่าด้วยว่า ทรัมป์เคยบอกเขาว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมนี “ก็เคยทำอะไรดี ๆ ไว้เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ทีมงานของทรัมป์ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ทั้งหมด
เคลลีให้สัมภาษณ์กับนสพ.ว่า “เขาชอบวิธีบริหารประเทศแบบเผด็จการอย่างเห็นได้ชัด อดีตปธน.คนนี้อยู่ในกลุ่มขวาจัดอย่างชัดเจน เป็นพวกชอบเผด็จการ และยังชื่นชมคนที่เป็นเผด็จการด้วย เขาเคยพูดเองกับผม ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าเขาเข้าข่ายความหมายของคำว่า ‘ฟาสซิสต์’ อย่างไม่ต้องสงสัย”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เคลลี อดีตนายพลนาวิกโยธินสหรัฐฯ เคยทำงานเป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวในยุคของทรัมป์ระหว่างปี 2560-2562 โดยหลังจากลาออกจากตำแหน่ง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มร้าวฉาน และต่างก็ไม่ปิดบังความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อกัน
“ไอ้เคลลีมันไร้ยางอาย เป็นนายพลเลว ๆ คนหนึ่ง ตอนอยู่ทำเนียบขาวผมไม่สนใจคำแนะนำของมันอีกแล้ว และบอกให้มันไสหัวไปให้พ้น!” ทรัมป์โพสต์ข้อความดังกล่าวในทรูธโซเชียล (Truth Social) ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียของเขาเอง
ด้านสตีเวน เฉิง โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์ออกแถลงการณ์ว่า “เคลลีทำตัวน่าขายหน้าสุด ๆ ด้วยการเอาเรื่องโคมลอยพวกนี้มาพูด”
คามาลา แฮร์ริส รองปธน.สหรัฐฯ และแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตกล่าวเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า คำพูดที่มีการรายงานนี้สร้างความกังวลอย่างยิ่ง
“การที่โดนัลด์ ทรัมป์อ้างถึงอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ชาวยิวกว่า 6 ล้านคนและชาวอเมริกันนับแสนชีวิต นับเป็นเรื่องที่น่าวิตกและอันตรายอย่างยิ่ง” แฮร์ริสกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่หน้าทำเนียบรองประธานาธิบดี
“หากทรัมป์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย จะไม่มีคนอย่างจอห์น เคลลี คอยยับยั้งพฤติกรรมและการกระทำของเขาอีกแล้ว” แฮร์ริสกล่าวเสริม
เคลลีเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ผ่านสื่อมาหลายครั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ในวงในของทรัมป์ จึงไม่อาจฟันธงได้ว่า หากทรัมป์ได้กลับมาเป็นผู้นำ จะบริหารประเทศอย่างไร
แฮร์ริสได้นำคำพูดของทรัมป์ในรายการฟ็อกซ์นิวส์เมื่อเดือนธ.ค.มาเน้นย้ำ โดยทรัมป์เคยประกาศว่า ถ้าชนะเลือกตั้งปี 2567 เขาจะเป็นเผด็จการ แต่เฉพาะ “วันแรก” เท่านั้น เพื่อปิดพรมแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโกและขยายการสำรวจขุดเจาะน้ำมัน
ฝ่ายแฮร์ริสและพรรคเดโมแครตต่างเห็นพ้องว่า ทรัมป์คือภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และย้อนว่าแฮร์ริสต่างหากที่เป็นภัยต่อประชาธิปไตย
นายพลจัตวา สตีฟ แอนเดอร์สัน นายทหารเกษียณแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ และสมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้แสดงความผิดหวังผ่านการโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวที่จัดขึ้นโดยทีมหาเสียงของแฮร์ริส โดยระบุว่า แม้เคลลีจะวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ แต่กลับไม่ได้ก้าวไปถึงขั้นประกาศสนับสนุนแฮร์ริส
ด้านเคลลีได้ย้ำในการให้สัมภาษณ์กับนสพ.เดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า ด้วยสถานะของการเป็นอดีตนายทหาร เขาจึงไม่ขอแสดงการสนับสนุนแคนดิเดตคนใดทั้งสิ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 67)
Tags: ทำเนียบขาว, เลือกตั้งสหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์