นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ส่งหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากกรณีถือสิทธิและมีรายได้จากการขายหนังสือ 4 เล่ม คือ หนังสือวิถีก้าวไกล, ความรัก คือการตกหลุมรักหลายๆ ครั้ง, ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน, ด้วยรักจากอนาคตไปแล้ว ซึ่งมีหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยไม่ได้มีความรู้ที่แท้จริง จนอาจทำให้เนื้อหาในคำร้องถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายได้
ดังนั้น เพื่อให้คำร้องดังกล่าวมีความชัดเจนขึ้น วันนี้ตนจึงได้ส่งหนังสือให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อ กกต. เกี่ยวกับความหมายของผู้พิมพ์และเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ โดยตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ได้บัญญัติว่า “หนังสือพิมพ์” หมายความว่า สิ่งพิมพ์ซึ่งมีชื่อจ่าหน้าเช่นเดียวกัน และออกหรือเจตนาจะออกตามลำดับเรื่อยไป มีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ก็ตาม มีข้อความต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงนิตยสาร วารสาร สิ่งพิมพ์ที่เรียกชื่ออย่างอื่นทำนองเดียวกัน ส่วน “ผู้พิมพ์” หมายความว่า บุคคลซึ่งจัดการและรับผิดชอบในการพิมพ์ และ “เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์
นายเรืองไกร กล่าวว่า พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เคยนำมาใช้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ด้วย เช่น คำวินิจฉัยที่ 14/2562 ซึ่งหนังสือทั้ง 4 เล่ม ของนายพิธา อยู่ในความหมายของคำว่า “หนังสือพิมพ์” ที่หมายความรวมถึงนิตยสาร วารสาร สิ่งพิมพ์ที่เรียกชื่ออย่างอื่นทำนองเดียวกัน
“ดังนั้น การที่นายพิธา เป็นผู้เขียนด้วยตัวเอง หรือร่วมกับผู้เขียนอื่น รวมทั้งเป็นสำนักพิมพ์ด้วยนั้น ย่อมจะทำให้นายพิธา เข้าข่ายเป็น “เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์” ตามมาตรา 4 พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550″ นายเรืองไกร กล่าว
พร้อมกันนี้ นายเรืองไกร ได้แนบสำเนาเอกสารการสืบค้นข้อมูลจากหอสมุดแห่งชาติ เกี่ยวกับหนังสือของนายพิธา ให้กับกกต.เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 66)
Tags: กกต., พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ