นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังมากขึ้นและอาจจะใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยเงินกู้ หลังเกิดเหตุการณ์ธนาคารล้มละลายในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความเห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ควรปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก
นางเยลเลนระบุว่า การที่สหรัฐใช้นโยบายป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบหลังจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) ล้มละลายในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเม็ดเงินฝากไหลออก และช่วยให้ความตื่นตระหนกเริ่มบรรเทาลงด้วย
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ขณะนี้เราเริ่มเห็นว่ามีธนาคารบางแห่งกำหนดมาตรฐานการปล่อยกู้ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น และเราคาดว่าอาจจะมีธนาคารที่แนวทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก” นางเยลเลนกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวของซีเอ็นบีซีถามว่า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินฝากนั้น การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่อนุญาตให้ผู้บริโภคในสหรัฐมีบัญชีกับเฟดโดยตรง เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ โดยนางเยลเลนตอบว่า “มีทั้งข้อดีและข้อเสียในการตัดสินใจเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างจริงจัง แต่มันก็อาจเป็นเรื่องของอนาคตของชาวอเมริกัน”
ก่อนหน้านี้ นางเยลเลนเสนอให้รัฐบาลเร่งออกสกุลเงิน CBDC โดยเธอแนะนำให้สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเป็นผู้ดำเนินการโดยตรงกับผู้ใช้งาน CBDC แทนที่จะเป็นหน่วยงานของรัฐบาล
“เรามีหลากหลายทางเลือก และในทางเลือกเหล่านั้นก็มีปัญหารวมอยู่ด้วย ดิฉันจึงคิดว่า ความเป็นส่วนตัวก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ หากธนาคารกลางจะออกสกุลเงิน CBDC โดยตรงให้กับผู้บริโภค” นางเยลเลนกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 เม.ย. 66)
Tags: สหรัฐ, เจเน็ต เยลเลน