เมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เปิดเผยเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) ว่า บริษัทฯ จะร่วมมือกับบริษัทฮาร์ดแวร์ภายนอก รวมถึงเลอโนโว ไมโครซอฟท์ และเอซุส เพื่อพัฒนาแว่นตาเสมือนจริงที่ใช้ระบบปฏิบัติการเมตา โฮไรซอน (Meta Horizon)
การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์เดียวกันกับฮาร์ดแวร์เสมือนจริงของเมตา เช่น เควสต์ 3 (Quest 3) และเควสต์ โปร (Quest Pro)
นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างแอนดรอยด์กับ iOS ในกลุ่มแว่นตาเสมือนจริง โดยผลิตภัณฑ์ VR ของแอปเปิ้ลจะยังคงมีราคาแพงกว่าและทำงานกับระบบนิเวศของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันก็จะต้องแข่งขันกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ในราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะทำงานบนระบบปฏิบัติการของเมตา
“ในทุกยุคของคอมพิวติง มักจะมีทั้งโมเดลแบบเปิดและแบบปิดอยู่เสมอ” นายซักเคอร์เบิร์กระบุ “สำหรับโทรศัพท์มือถือ โมเดลแบบปิดของแอปเปิ้ลได้รับความนิยม โทรศัพท์ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด และคุณถูกจำกัดให้ทำตามสิ่งที่พวกเขาอนุญาตให้คุณทำ แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การตัดสินใจของเมตาในการเปิดระบบปฏิบัติการให้แก่พันธมิตรด้านฮาร์ดแวร์นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่เมตาระบุไว้ เพื่อลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสสำหรับเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนภายในแผนกเรียลลิตี แลบส์ (Reality Labs) โดยในไตรมาสที่ 4/2566 แผนกดังกล่าวขาดทุนจากการดำเนินงาน 4.65 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ทำยอดขายได้ 1 พันล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 67)
Tags: META, Meta Horizon, เมตา, เมตา โฮไรซอน, แว่นตาเสมือนจริง